มติคกก.สืบสวน-ไต่สวน ชุดที่ 26 สอบคดีฮั้วเลือก สว. ชงข้อเสนอให้ดำเนินคดี “สว.-ภท.” รวม 229 ราย หลังพบการกระทำเข้าข่ายมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ทำให้ได้รับเลือกมาเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยไม่สุจริต เที่ยงธรรม และขัดรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งรับผิดชอบคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา ได้ประชุมสรุปสำนวนการสอบสวนและมีมติเสนอ สำนักงาน กกต. เห็นควรดำเนินคดีต่อต่อผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 229 ราย แบ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา 138 คน กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และเครือข่าย 91 ราย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 70 ประกอบ มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 76 และ มาตรา 77 (1)
ทั้งนี้มาตรา 76 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดห้ามกรรมการบริหารพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใดในพรรคการเมือง ส.ส.ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำการใดที่เป็นการช่วยให้ผู้สมัครผู้ใดได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือทำให้ผู้สมัครผู้ใดไม่ได้รับเลือก รวมถึงถ้าผู้สมัครใดยินยอมให้บุคคลดังกล่าวช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น
โดยที่ประชุมคณะกรรมการสืบสวนฯ ชุดที่ 26 เห็นว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว เข้าข่ายมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ทำให้ได้รับเลือกมาเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยไม่สุจริต เที่ยงธรรม และขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 ที่บัญญัติ ว่า “สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่ หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ๆ” ซึ่งข้อกล่าวหานี้ หากไปถึงชั้นการพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ กกต.และมีมติเห็นพ้องด้วย ก็อาจนำไปสู่การร้องขอให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคภูมิใจไทยและ สว. 138 ราย หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ สำนวนก็จะเข้าสู่ขั้นที่ 2 คือเลขาธิการ กกต.จะต้องมีความเห็น ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าเลขาธิการ กกต. จะมอบหมายให้รองเลขาธิการ กกต. เป็นผู้มีความเห็นแทน เนื่องจากตนเองเป็นผู้อำนวยการการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสีย โดยมีความเห็นอย่างไรนั้น ก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหา หรือข้อโต้แย้ง ก่อนจะนำเสนอเข้าที่ประชุมใหญ่ กกต.เป็นลำดับถัดไป.



















