“ธรรมนัส” เปรยกรมสอบสวนคดีพิเศษจ่อแถลงข่าวใหญ่ขยายผลหมูเถื่อนก่อนสิ้นปี พร้อมดำเนินการเอาผิดกับกระบวนการหมูเถื่อนและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายไชยา พรหมารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมนาย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังแถลง โชว์ผลงาน “เกษตรฯ 99 วันทำได้จริง !” รุกเป้าหมาย พี่น้องเกษตรกรต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี ด้วย 6 นโยบายเกษตรสำคัญ
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ได้มีการชี้แจงผลงานของกระทรวงไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สปก. 4-01 ที่เป็นโฉนดการปราบปรามสินค้าเถื่อน การช่วยเหลือชาวนา การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย การบริหารจัดการน้ำ ให้ประชาชนสามารถอยู่รอดได้ ซึ่งรัฐมนตรีทั้ง3คนได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างจริงจัง
การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง ณเวลานี้ปลดล็อคแน่นอนเพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างสบายใจ
นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีก 3 ข้อที่จะฝากเป็นของขวัญให้กับเกษตรกร โดยมีกฎหมาย 19 ฉบับ ซึ่งเป็นกฎหมายลูกของกรมประมง ซึ่งจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อทยอยออกให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เช่นการขยายทำการประมงให้ครบ 290 วันตามที่กฎหมายกำหนด
2.เรื่องที่ดินเรื่องอีกทั้งยังมีเรื่องที่ดินที่เปลี่ยนจาก สปก. 4-01 ให้เป็นโฉนด เพื่อการเกษตรกร ซึ่งได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยจะมีการ click off ในวันที่ 15 15 มกราคม 2567 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
3.การปราบปรามสินค้าเถื่อนทุกประเภท
นอกจากนี้ร้อยเอกธรรมนัส ยังเปิดเผยอีกว่าเร็วๆ นี้จะมีข่าวใหญ่เกี่ยวข้องกับการขยายผลหมูเถื่อน ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่จะมีการแถลงข่าว ซึ่งวันนี้ก็มีการขยายผลการจับกุมการสวมสิทธิ์นำเข้าตีนไก่ เพื่อเลี่ยงภาษี ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งจะมีการขยายผลไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้าบริษัทขนส่ง หรือผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตร หากมีความเกี่ยวข้อง
ได้เน้นย้ำเรื่องของการประกาศพื้นที่เขตชุมชนที่จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมายทั่วประเทศด้วย โดยกำชับให้ สปก.ดำเนินการอยู่ ซึ่งวันนี้ ล่าสุดพบว่ามีการประกาศไปแล้ว 4 จังหวัด เช่น จังหวัดภูเก็ต กาญจนบุรี นครสวรรค์ และ จ.เชียงใหม่ และอีกหลายจังหวัดที่จะมีการทยอยประกาศต่อไป โดยจะมีการเก็บค่าเช่าผู้ประกอบการเพื่อเข้ากองทุน ของสปก. เพื่อนำไปพัฒนาตามโครงสร้างพื้นฐาน และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในพื้นที่
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชี้แจงความคืบหน้าการทำลายหมูเถื่อนที่ยึดได้ 161 ตู้คอนเทนเนอร์ว่า หลังจากที่ กระทรวงเกษตร ได้รับตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรทุกหมูเถื่อนทั้ง 161 ตู้ จากกรมศุลกากร ซึ่งกระทรวงเกษตรได้มีกระบวนการในการทำลาย ส่วนเรื่องคดีเป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอที่จะต้องดำเนินการและขยายผลต่อไป
สำหรับภารกิจหลักของกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ในเรื่องหมูเถื่อนคือสินค้าที่ผิดกฎหมายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการในการทำลาย ตามระเบียบกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งได้กำชับให้กรมปศุสัตว์ได้เตรียมการทำลายตามกระบวนการ โดยสามารถตรวจสอบและชี้แจงให้เกิดความเข้าใจกับสังคมและประชาชนได้
ยืนยันว่าทั้งหมด 161 ตู้ ได้ทำลายด้วยการฝังกลบเป็นที่เรียบร้อยที่กรมสรรพาวุธทหารเรือ
หลังจากได้มีการเคลื่อนย้ายออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงกลาโหม ที่ได้ลงนาม MOU ร่วมกันว่าทั้ง2กระทรวงจะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเฉพาะในการใช้พื้นที่ฝังกลบเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในการนำหมูเถื่อนทั้ง 161 ตู้ไปฝังที่อื่น เพราะมีประชาชนกังวลถึงความปลอดภัยเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสุขอนามัยที่อาจจะเกิดจากพาหะนำโรคของหมูเถื่อน
ซึ่งที่ผ่านมามีหลายพื้นที่ประชาชนเกิดความไม่สบายใจหากจะนำหมูที่ยึดได้ไปฝังกลบในพื้นที่อื่น นั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อส่วนรวมจึงได้นำไปฝังกลบที่กรมสรรพาวุธทหารเรือ และส่วนราชการทั้งหมด อีกทั้งยังได้ขอความร่วมมือ กองทัพบกกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ที่ให้ใช้พื้นที่ทางการทหารในการทำลายสินค้าด้านการเกษตรที่ผิดกฎหมายอย่างเช่นหมูเถื่อน
นายไชยา ยืนยันว่าการทำลายหมูเถื่อนทั้ง 161 ตู้มีกระบวนการที่สามารถตรวจสอบได้ แต่การขนย้ายออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีคณะกรรมการทั้ง 5 ฝ่ายร่วมตรวจสอบ คือกรมปศุสัตว์ กรม สอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร และสภาการเกษตรแห่งชาติ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งประเทศไทย จะเป็นคณะกรรมการร่วมกันตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ทั้ง 161 ตู้ที่มีการบรรทุกหมูเถื่อน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดความสบายใจต่อสังคมสังคมหากมีคำถามตามมาถึงกระบวนการดังกล่าว นอกจากนี้รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทุกตู้จะต้องติดตั้ง GPS และยังได้บันทึกเป็นเอกสารไว้เป็นหลักฐาน ทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ที่กรมปศุสัตว์
พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่สามารถที่จะเปิดเผยกับสื่อมวลชนได้ เนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการร้องขอจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการกำจัด เพื่อให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชน และยืนยันว่าพื้นที่ฝังกลบจะต้องเป็นพื้นที่ขออนุญาตพิเศษจากหน่วยงานราชการ