หุ้นไทยปิดบวก 5.42 จุด เม็ดเงิน TESG ไหลเข้ามาในโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ เกาะติดสหรัฐฯ เปิดเผยยอดขอรับสวัสดิการว่างงานในวันพรุ่งนี้ประเมินดัชนีหลังปีใหม่แนวต้าน 1,460 จุด แนวรับ 1,380 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,415.85 จุด เพิ่มขึ้น 5.42 จุด หรือ 0.38% มูลค่าซื้อขาย 47,793.66 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันสุดท้ายของปีดีดขึ้นมาปิดบวกได้ มูลค่าการซื้อขายกลับมาหนาแน่นกว่าช่วงต้นสัปดาห์ เก็งรับเม็ดเงินกองทุนลดภาษี รวมถึง TESG ไหลเข้ามาในโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ซึ่งหุ้นกลุ่ม ESG มีผลต่อดัชนี 0.4%
อย่างไรก็ตาม ยังปัจจัยที่ต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ (29 ธ.ค.) คือ สหรัฐเปิดเผยยอดขอรับสวัสดิการว่างงาน ส่วนวันที่ 31 ธ.ค.จีนรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตและนอกภาคการผลิต ในเดือนธ.ค.66
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยปีหน้า เมย์แบงก์ให้เป้าดัชนี SET ที่ 1,640 จุด เชื่อกลับมาฟื้นตัวได้ตามภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ได้รับมีแรงหนุนจากภาคส่งออกกลับมาดี การบริโภคภายในประเทศ และการใช้จ่ายของภาครัฐ กำไรบริษัทจดทะเบียนปี 67 คาดโต 14% นอกจากนี้ มองดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วทั้งสหรัฐและไทย ทำให้ภาวะ Derating P/E กดดันลดลง อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม คาด SET จะฟื้นตัวได้ หรือ January Effect โดยในเดือนม.ค.67 ให้แนวต้าน 1,460 จุด แนวรับ 1,380 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,508.20 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,624.91 ล้านบาท ปิดที่ 106.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,321.60 ล้านบาท ปิดที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,028.01 ล้านบาท ปิดที่ 88.00 บาท ลดลง 3.25 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,996.90 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท ลดลง 0.50 บาท