‘เมียอธิบดีกรมข้าว‘ เปิดใจ ทนทุกข์-ถูกกลั่นแกล้ง ตั้งแต่สามีรับตำแหน่ง ถูกขู่ ร้องออกข่าวแม้ไม่ใช่เรื่องจริง ตะล่อมบอก “คุณนายยอมจ่ายๆ ไปเถอะ ทุกอย่างจะได้จบ อย่างน้อยก็ถือว่าเอาไว้เป็นพวกกัน” เชื่อทำกันเป็นขบวนการ
กรณีตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วม เจ้าหน้าที่ ปปท. และ ปปช. ซ้อนแผนจับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน หรือ นักเคลื่อนไหวร้องเรียนคนดัง พร้อมด้วยนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมกันข่มขู่เรียกเงินนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์” อธิบดีกรมการข้าว จำนวน 1.5 ล้านบาท ตามที่มีการนำเสนอไปแล้วนั้น
นางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร อายุ 49 ปี ภรรยาของนายณัฏฐกิตติ์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตั้งแต่สามีตนเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว ก็ถูกกลุ่มผู้ต้องหาร้องเรียนมาโดยตลอด เกือบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกรมการข้าว ทั้งๆ ที่เคยชี้แจงไปแล้วว่า เรื่องที่ร้องเรียนมันไม่เป็นความจริง จึงรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม
นางธัญญรัตน์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่ามีการเจรจาเรียกเงินจากตนและสามีจริง แม้ตัวสามีจะพยายามชี้แจง หรืออธิบายข้อเท็จจริง พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่เขากล่าวอ้างนั้นไม่ใช่เรื่องจริง สามารถตรวจสอบได้ แต่ยังไม่เป็นผล ผู้ต้องหายังคงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการยุติการร้องเรียนเช่นเดิม
“เขาบอกว่ายอมจ่ายจะดีกว่า ถึงจะเป็นเรื่องจริง หรือเรื่องเท็จก็ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะกว่าจะตรวจสอบพิสูจน์ความจริงได้ ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ถึงตอนนั้นก็กลายเป็นข่าวเผยแพร่ตามสื่อ เสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว มันไม่คุ้มหรอก คุณนายยอมจ่ายๆ ไปเถอะ ทุกอย่างจะได้จบ อย่างน้อยก็ถือว่าเอาไว้เป็นพวกกัน” นางธัญญรัตน์ กล่าว
นางธัญญรัตน์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ เพราะช่วงที่มีการเจรจาต่อรองเงินกันกับตน พวกเขามักจะพูดเสมอว่า ลดราคาให้ได้เท่านี้จริงๆ เพราะทีมงานมีหลายคนต้องไปแบ่งกัน ทั้งทีมส่งข่าว ทีมทำเอกสาร และอีกหลายๆ ทีม คุณนายไม่ต้องรู้รายละเอียดพวกนี้หรอก แค่จ่ายเงินมาส่วนที่เหลือจะจัดการเคลียร์เอง
นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างเคสก่อนๆ ของบุคคลอื่นในอดีตมาขู่ ในลักษณะทำนองว่า ถ้าจ่ายเงินให้ก็จบปัญหา จึงเชื่อว่า นอกจากสามีตนแล้ว น่าจะยังมีบุคคลอื่นถูกกระทำในลักษณะเช่นเดียวกันกับตนอีกด้วย
นางธัญญรัตน์ กล่าวต่อว่า ตลอดระละเวลาที่เกิดเรื่องขึ้น ตนรู้สึกเป็นทุกข์ และเครียดมาตลอด แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ กระทั่งมาฉุกคิดได้ว่า เมื่อเราไม่ผิดทำไมไม่ลุกขึ้นมาสู้ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง หรือสู้ให้คนอื่นรู้ว่าความจริงยังมีอยู่ อีกทั้งหากปล่อยให้มีคนแบบนี้อยู่ในสังคมต่อไป แล้วประเทศชาติจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ทำให้ตนตัดสินใจลุกขึ้นมาต่อสู้จนนำมาสู่ความจริงที่ปรากฎดังกล่าว