วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight6เหตุผล‘ก.ก.ตายสิบเกิดแสนได้จริงไหม’ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลตื่นตัวก็ไปได้ไม่กี่ก้าว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

6เหตุผล‘ก.ก.ตายสิบเกิดแสนได้จริงไหม’ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลตื่นตัวก็ไปได้ไม่กี่ก้าว

“พล.ท.นันทเดช-อดีตบิ๊ก ศรภ.” เปิด 6 เหตุผล “ก้าวไกลจะตายสิบเกิดแสนได้จริงไหม” ฟันฉับหาก “พรรคร่วมรัฐบาล” ตื่นตัว ปรับวิธีการหาเสียงใหม่ ไม่ล้าหลัง “ก้าวไกล” จะไปได้ไม่กี่ก้าว เย้ยแสบ อย่างมากก็ตายสิบ เกิดสิบ

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ “ก้าวไกลจะตายสิบเกิดแสนได้จริงไหม” มีเนื้อหาว่า…ความฝันของแกนนำก้าวไกลหลังจากถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยว่าผิดแล้ว ก็ออกมาปลอบใจสาวกว่า “จะตายสิบเกิดแสน” นั้น ถ้าสมัยรัฐบาลลุงตู่ คงอาจเป็นไปได้ เพราะลุงแกเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร ตั้งหน้าตั้้งตาพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ จนมาอยู่ลำดับ 1 ในอาเชียนแล้ว แต่ก็ต้องพลาดเรื่องการจัดการปัญหาทางสังคมไปบ้าง ก้าวไกลจึงใช้โอกาสนั้นเข้ามาแทรกแซงครอบงำเด็กๆได้ค่อนข้างมาก โดยมี อบายมุข (เหล้า บุหรี่ไฟฟ้า และ SEX) มาช่วย จนแพร่กะจายได้อย่างสะดวก

แต่ในรัฐบาลชุดนี้ คงเป็นไปได้ยากหน่อย เพราะ

1.จุดที่เด็กๆ จะกลายเป็นพวก 3 นิ้ว ส่วนใหญ่แล้ว มาจากการมั่วสุมในเรื่องสุรานารี แต่ปัจจุบันก็ถูกคุณอนุทิน ชาญวีรกูล (รมว.มท.) บุกทำลายสถานที่กินเหล้า ที่เปิดให้เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์ แอบเข้าบาร์ หรือ ผับ โต้รุ่งเหล่านี้ ไปถึง 6 แห่งแล้ว บางแห่งมีคนมั่วสุมเกือบ 2000 คน มีเด็กต่ำกว่า 18 ปี ร่วม 800 คนก็มี และยังเป็นการทำลายอย่างต่อเนื่องแบบที่กระทรวงมหาดไทยชุดเดิม ไม่เคยทำมาก่อนเลย ผับ-บาร์เหล่านี้คือ ตัวสร้าง “เด็ก 3 นิ้วขึ้นมา” เป็นจำนวนมาก จึงเริ่มหายไป

2.แบบเรียนของ ศธ.ที่ออกมาใช้ในสมัยก่อน ถูกควบคุมดูแล โดยนักวิชาการที่เลือกข้าง นอกจากไม่เสริมสร้างกระบวนการคิดแล้ว เรื่องที่เด็กควรรู้ควรเข้าใจก็ขาดหายไป ซึ่งปัจจุบัน ทาง ศธ.ก็ตื่นตัวออกมา เริ่มจะแก้ไขแล้ว

3.ในสถาบันการศึกษา ซึ่งกลุ่มอาจารย์บ้าคลั่งลัทธิ พยายามสอนและออกข้อสอบให้เด็กจำเป็นต้องตอบข้อสอบตามที่อาจารย์ต้องการนั้น เด็กส่วนใหญ่ก็เริ่มรู้ทันแล้ว ยังมีเจ้าหน้ารัฐ ที่แอบเข้าไปฟังอีก ก็ไม่สะดวกนักในการปลุกระดม อาจจะเสี่ยงคุกได้ เพราะอาจารย์พวกนี้เก่ง แต่จะส่งเด็กไปติดคุกแทน ส่วนตัวเองยุๆๆๆ เด็ก แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามรักษาตัวให้รอด เพื่อคอยแต่จะสมัครเป็นอธิการบดี หวังรวยกันทั้งนั้น (คงต้องถามต่อว่า มหาวิทยาลัยเหล่านั้น มีกระบวนการคัดกรองอาจารย์ผู้สอนอย่างไรด้วย)

4.ส่วนอาจารย์แก่ๆ กลุ่มหนึ่ง แต่ยังมีกิเลสอยู่ คอยยุยงเด็กๆ อยู่นอกมหาวิทยาลัยนั้น ก็เริ่มแพ้ภัยตัวเองไปตามๆ กัน อย่าให้พูดถึงว่าแพ้อย่างไร เลยครับ

5.คนของพรรคการเมืองหลายแห่งเริ่มตื่นตัวต่อการรุกในพื้นที่ชนบทของ “ก้าวไกล” และ “มูลนิธิก้าวหน้า” ซึ่งมูลนิธินี้ก็แปลก ดันไปทำหน้าที่เหมือนกับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ทั้งๆ ที่เป็นมูลนิธิ (ฝากคุณอนุทินเข้าไปดูด้วยครับ) เพราะ กกต.ก็คุมไม่ได้ ถ้า มท.ลงไปดูแล การเข้าไปปลุกระดมในพื้นที่ของก้าวไกล ก็จะยากขึ้น

6.ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มรู้กันบ้างแล้วว่า พรรคอะไรโกหกได้ติดต่อกันเกือบทุกวัน ขนาดมีคนตั้งเพจ ชื่อว่า “วันนี้ ก้าวไกลโกหกอะไร” เด็กตามสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ก็เริ่มตื่นตัว ถ้าไม่มีเหล้า ยา และ SEX แล้ว ก้าวไกลก็ไม่ค่อยจะมีอะไรหรอกครับ

ข้อสรุป : ประขาขนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบก้าวไกลเพิ่มขึ้นหรอกครับ แต่เป็นเพียงพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทั้งหลาย ยังห่วงเรื่องผลประโยชน์ จนทิ้งพื้นที่ไป ที่หาเสียงอยู่ก็หาเสียงแบบโบราณมาก เช่น งานศพก็เอาหรีดราคาถูกให้ตัวแทนเอาไปวาง จัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนเวลาวันเกิด หรือพาหัวคะแนนไปเที่ยวทะเล ฯลฯ

ความล้าหลังของวิธีหาเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลน่ะ

ล้าหลังเอามากๆ จริงๆ ครับ

ถ้าพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลตื่นตัวจริงๆ ก้าวไกลก็ไปได้ไม่กี่ก้าวหรอกครับ อยากมากก็ตายสิบ เกิดสิบ เท่านั้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

ว่าด้วยเรื่อง พัฒนา“พุทธมณฑล”

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img