นายกฯตอบคำถามสื่อมวลชนย้ำต้องให้ความสำคัญมาตรฐานการรักษาดูแลความปลอดภัยบุคคลสำคัญของประเทศ รวมทั้งกล่าวถึงประเด็นยาเสพติด การตรวจคนเข้าเมือง สวัสดิการของเจ้าหน้าที่ ตม.
เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังร่วมงานเสวนา “Business, Gender Diversity, and the Path Ahead” โดยได้ตอบคำถามเรื่องการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ว่า เมื่อวานนี้ได้หารือกับพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้กำชับและยืนยันว่า เรื่องมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความดูแลบุคคลสำคัญของประเทศ รวมทั้งให้สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติดูแลให้ดี ไม่อยากให้มีการปะทะกันเกิดขึ้น อยากให้อยู่กันได้ด้วยความสามัคคี และถ้ามีเวทีไหนที่เห็นต่าง ก็อยากให้ใช้เวทีที่เหมาะสม เช่น เวทีสภา เวทีนักวิชาการ มาพูดคุยกัน ทุกสถาบันรักและเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์
“ส่วนการดำเนินคดีนั้น ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่มีการกลั่นแกล้งใดๆ และอยากวิงวอนเรื่องการใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่บังควร ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วย ทุกสถาบันอยากเห็นความสามัคคี และแน่นอน สังคมมีความเห็นต่างกัน แต่ต้องมาพูดคุยใช้เวทีที่ ปลอดภัย และไม่เป็นที่คุกคามของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงอยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงจุดนี้ เนื่องจากปัจจุบันประเทศเดินหน้าไปได้ด้วยดี ไม่อยากทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น อยากให้ลดการใช้กำลัง หรือการใช้ hate speech ใช้เวทีสาธารณะอื่นๆ มีการพูดคุยในเวทีที่ปลอดภัย เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศมีความปรองดอง สามัคคี เกิดบรรยากาศที่พูดคุยกันได้ในความแตกต่าง ซึ่งได้หารือกับ ผบ.ตร. ในเรื่องนี้ไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน”นายเศรษฐา กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า เห็นว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องดูแลบุคคลสำคัญของประเทศให้ดีที่สุด ไม่ให้เกิดมีการคุกคาม เกิดการใช้กำลัง และไม่อยากให้เอาเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นการเมืองด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง การพูดคุยควรอยู่ในเวทีที่เหมาะสม ซึ่งก็มีตัวแทนของพี่น้องประชาชนในสภา จึงควรใช้เวทีสภาเป็นเวทีพูดคุย ซึ่งเป็นเวทีที่ปลอดภัย และมาตามกระบวนการประชาธิปไตย ทุกฝ่าย ทุกพรรค ได้มีการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ทุกฝ่ายมีตัวแทนอยู่แล้วในสภาก็น่าจะใช้เป็นเวทีพูดคุยกัน หากใช้เวทีอื่นที่เป็นพื้นที่สาธารณะ (public space) ที่มีคนจำนวนมาก ก็อาจเกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งตนไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ซึ่งอาจจะไปสู่สายตาชาวโลกได้ ที่ทุกประเทศมีการอารักขาผู้นำ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดอยู่แล้ว
นายกฯ กล่าวย้ำว่า เรื่องดังกล่าวไม่ควรมีการให้ท้าย ไม่ควรมีขบวนการอยู่เบื้องหลัง เพราะขบวนเสด็จ ท่านทรงมีภารกิจตลอดเวลา ทรงงานหนักทุกพระองค์ เพราะฉะนั้นเรื่องความสำคัญในการเดินทางของพระองค์ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญสูงสุด และทางฝ่ายเห็นต่างควรพูดคุยในเวทีที่ปลอดภัย ถูกต้อง ไม่อยากให้เป็นเวทีที่ใช้คำว่าท้าทาย เวทีสาธารณะที่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ที่ถูกต้อง ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ หรือบรรยากาศเช่นนี้อยากแน่นอน
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ในการหารือกับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ระดับสูงนั้น ได้พูดคุยกันอีกในหลายเรื่อง นอกจากประเด็นยาเสพติด การตรวจคนเข้าเมือง สวัสดิการของเจ้าหนาที่ ตม. ที่อยู่อย่างแออัดในสนามบิน การดูแลสวัสดิการ ที่อยู่อาศัย ให้กับตำรวจชั้นผู้น้อย รวมถึงแฟลตตำรวจ โดยจะได้มีการทำแผนระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นใจถึงการดูแลที่ดี โดยในประเด็นยาเสพติดมีการพูดคุยเยอะ เนื่องจากมีการจับกุมเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าแต่ราคายังไม่ขึ้นเลย ซึ่งแสดงว่ามียาทะลักเข้ามามาก จึงต้องเดินหน้ากำจัดต่อไป ซึ่งนายกฯ ขอให้รอดูก่อนถึงประเด็นการครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ให้ถือว่าเป็นผู้เสพ เพราะปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เนื่องจากไม่ว่ากี่เม็ด ก็ไม่ควรมีอยู่แล้ว เรื่องยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติอยู่แล้ว ไม่ได้ดำเนินการประกาศจำนวนเม็ดเท่านั้น ซึ่งหากพิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสมก็จะเปลี่ยนแปลงใหม่ มีทั้งเรื่องการตัดวงจรการค้าชายแดน การบำบัด ผู้ป่วย ผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย การหาอาชีพคืนสู่สังคม ระยะเวลาในการทำลายยาเสพติดจะทำให้สั้นลงเพื่อให้ความแคลงใจของสังคมลดน้อยลงไป มีการดำเนินการแก้ไขปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา