รื้อระบอบประยุทธ์ “ปิยบุตร-ไอติม” ฝันที่เลือนลาง

แคมเปญ “ขอคนละชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์” ที่เปิดออกมา ภายใต้การจับมือกันในเครือข่ายกลุ่ม “Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่”

ซึ่งประกอบด้วย พรรคก้าวไกล, คณะก้าวหน้า, กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า และโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ที่วางเป้าแบบเบิ้มๆ ขอ “1 ล้านชื่อ” เพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ ภายใต้การขับเคลื่อนของสองคีย์แมนหลัก “ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า-อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่” ที่มีแค้นฝังลึกกับศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง จากผลพวงคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ทำให้โดนตัดสิทธิการเมืองสิบปี

และ “ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ จากกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า” ที่ระยะหลัง ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มคณะก้าวหน้า จนถูกมองกันว่าเลือกตั้งรอบหน้า จะไปอยู่กับพรรคก้าวไกลที่มีเงาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ทับซ้อนทุกฝีก้าวในการทำงานทางการเมืองของพรรคก้าวไกล

การเคลื่อนไหวของ “กลุ่ม Re-solution” กับแคมเปญ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ”์ ที่เริ่มเมื่อ 6 เม.ย. 2564 ซึ่งจากการที่คิกออฟกันไม่ถึงสัปดาห์ ผนวกกับมาเจอกับโควิดระบาดรอบสาม ทำให้ยังวัดกระแสตอบรับไม่ได้ว่ามีมากแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม เรื่องรายชื่อประชาชนที่จะมาร่วมลงชื่อเอาด้วย แบบต้องมีตัวตนพิสูจน์ได้ คือมีสำเนาบัตรประชาชน-ลายเซ็นกำกับ เรื่องนี้ ว่ากันตามจริง หากดูจากฐานเสียง-กองหนุนหลักของสี่กลุ่มข้างต้น กลุ่มที่ชัดมากที่สุดและเป็นไปได้มากสุด ก็คือกลุ่มที่เป็นฐานเสียงของ “พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า” ที่เป็นเครือข่ายพรรคอนาคตใหม่เดิม

โดยหากดูจากคะแนนผลการเลือกตั้งของอนาคตใหม่เดิมเมื่อปี 2562 ที่ได้มา 6,265,950 คะแนน และคะแนนในระยะหลังเช่น จากการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเฉพาะนายกฯอบจ. ของคณะก้าวหน้าในช่วงที่ผ่านมา  รวมถึงกองเชียร์จากฝ่ายต่างๆ เช่น กองเชียร์ม็อบสามนิ้ว หรือแม้แต่ประชาชนที่ไม่ได้เลือกอนาคตใหม่ แต่เลือกพรรคอื่น เช่น เพื่อไทย แต่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ-ไม่ชอบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คนกลุ่มนี้ ก็มีแนวโน้มจะเอาด้วยกับการร่วมลงชื่อด้วยกับ กลุ่ม Re-solution

ซึ่งถ้าดูจากฐานการเมืองข้างต้น ทำให้มีการมองกันว่า หากกลุ่ม Re-Solution วางโรดแมฟขับเคลื่อนกันดีๆ มีการจัดเวทีตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อล่าชื่อประชาชน มันก็มีโอกาสที่ประชาชนหนึ่งล้านรายชื่อจะมาร่วมเซ็นเอาด้วยกับ กลุ่ม Re-Solution

ทำให้ดูแล้ว การเคลื่อนไหวที่ชูธง “รื้อระบอบประยุทธ์” ลายเซ็นประชาชน หนึ่งล้านรายชื่อ น่าจะมีความเป็นไปได้ ทว่าที่ยากกว่านั้น หลายเท่านัก ก็คือการทำให้ สิ่งที่กลุ่ม Re-Solution ชูธงไว้ว่าจะเสนอญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ สำเร็จได้จริง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน

เพราะเมื่อดูจากข้อเรียกร้องในการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ของ “ปิยบุตร-ไอติมและกลุ่ม Re-Solution” แล้ว หลายเสียงต่างบอกว่าสังคมมีโอกาสที่จะได้เห็น ปิยบุตร-ไอติม เดินเข้ารัฐสภา หอบกล่องใส่รายชื่อประชาชนหนึ่งล้านรายชื่อที่ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่งมอบให้ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา

กระนั้น ในทางการเมือง เมื่อไปดูประเด็นข้อเรียกร้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ กลุ่ม Re-solution ดูยังไง  มันก็เดินไปถึงหลักไมล์ที่วางไว้ได้ยาก แม้บางประเด็น ก็ต้องยอมรับว่า เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจก็ตาม

อย่างเช่นการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อ “ล้มวุฒิสภา เดินหน้าสภาเดี่ยว” ที่ก็คือแก้รัฐธรรมนูญ ให้ฝ่ายนิติบัญญัติ เหลือแค่ “สภาผู้แทนราษฏร-ส.ส.” เท่านั้น ไม่ให้มีวุฒิสภา-สว.อีกต่อไป ที่มีการให้เหตุผลว่า วุฒิสภาชุดปัจจุบัน มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เป็นกลไกในการสืบทอดอำนาจของคสช. โดยมีการเสนอยาแรงถึงขั้นเขียนล็อกไว้ว่า “ให้สมาชิกวุฒิสภาที่ดำรงตำแหน่งอยู่พ้นจากตำแหน่งทันทีเมื่อรัฐธรรมนูญนี้มีผลใช้บังคับ”

ที่หมายถึง หากแก้รัฐธรรมนูญเรื่องนี้สำเร็จ จนมีการประกาศใช้ บรรดาสว. 250 คนในปัจจุบัน ที่มาจากคสช. ซึ่งเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งอีกร่วมสามปี จะต้อง “ตกงาน-ไร้สถานภาพทางการเมือง” ทันที

แล้วแบบนี้ มีหรือที่ สว.ทั้งหลาย ที่จะต้องร่วมโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ตั้งแต่วาระแรกจนถึงวาระสาม บรรดา สว.ทั้งหลายจะยอมโหวตเอาด้วย เพื่อให้ตัวเองกลายเป็นคนไร้สถานภาพทางการเมือง เร็วก่อนกำหนดร่วม 2-3 ปี ดูจากแค่ประเด็นนี้เรื่องเดียว มันก็ยากที่ สว.เสียงส่วนใหญ่จะยอมเอาด้วยแน่นอน

ยิ่งสว.ชุดปัจจุบัน ที่มาจากการสรรหา-เลือกของคสช. ส่วนใหญ่เป็นสว.สายอนุรักษ์นิยม-อดีตข้าราชการประจำเป็นส่วนใหญ่ ทำให้สว.ส่วนใหญ่มีแนวคิดไม่ชอบพวก เครือข่ายพรรคสีส้ม ก้าวไกล-อนาคตใหม่และม็อบสามนิ้วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ขณะที่ กลุ่ม Re-solution ก็ถูกมองว่ามีแนวคิดและความสัมพันธ์โยงใยกับม็อบสามนิ้วและพรรคสีส้ม พรรคก้าวไกล จึงเป็นไปได้สูงที่ สว.เสียงส่วนใหญ่ พร้อมตั้งการ์ดชนกับข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญของกลุ่ม Re-solution แบบไม่มีทางยอมหรือประนีประนอมด้วยแน่นอน

ยิ่งเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เขียนล็อกไว้ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอไปยังรัฐสภา จะต้องมีเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง ดังนั้นมันก็ง่ายอยู่แล้วที่สว.จะตีตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่ม Re-solution ให้ร่วงสนิทตั้งแต่วาระแรก

แล้วอย่าไปคิดว่า สว.ทั้งหลาย จะแคร์กระแสกดดัน หรือกลัวว่าจะมีม็อบไปปิดล้อมหน้ารัฐสภา ในวันที่ รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในเรื่องนี้ เพราะสว.ชุดนี้ มีประสบการณ์หนักๆ มาแล้วกับการรับมือม็อบกดดันแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะก่อนหน้านี้ ตอนม็อบสามนิ้วแรงๆ ก็มีการยกพวกไปปิดล้อมหน้ารัฐสภากดดันให้แก้รัฐธรรมนูญ จนม็อบสามนิ้ว ตะโกนด่า “ไอ้-หี้ย” หน้ารัฐสภาดังกึกก้อง ของแบบนี้ สว.ชุดปัจจุบันล้วนผ่านมาแล้ว

ก็ขนาดลงมติสอยร่วง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของไอลอว์ ที่ตอนนั้น มีประชาชนลงชื่อแสนกว่าคนในร่างของไอลอว์ สว.ชุดนี้ก็ยังไม่แคร์ เทเสียงไม่ผ่านวาระแรกอย่างท่วมท้น

ด้วยเหตุนี้ ประเมินดูแล้ว ยังไงก็ยาก ที่ข้อเสนอ “โละทิ้ง สว.-สภาสูง เหลือแค่สภาเดียว” ตามร่างของกลุ่ม Re-solution จะฝ่าด่านทั้งสว.-ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไปได้

แค่เรื่องโละสว.-ทุบทิ้งสภาสูง ประเด็นเดียว ก็เห็นแล้วว่า โอกาสที่ “ปิยบุตร-ไอติม-กลุ่ม Re-solution” จะผลักดันให้ไปถึงฝั่งฝันมันยากมากที่จะสำเร็จได้ ไม่นับรวมกับอีกหลายประเด็นที่ กลุ่ม Re-solution เสนอแนวคิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาอีกหลายเรื่อง ก็เช่นเดียวกับ เรื่องโละสว. คือมันยากที่ขุมข่ายอำนาจในปัจจุบัน ที่อยู่ในฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์-พรรคพลังประชารัฐ-สภาสูง จะยอมได้

ไม่ว่าจะเป็น การเสนอยกเลิกการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศทั้งหมด โดยไม่ให้สองเรื่องนี้ถูกเขียนล็อกไว้ในรัฐธรรมนูญ-การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างผลพวงรัฐประหารคสช.เมื่อ 22 พ.ค. 2557 ทั้งหมดเช่น ยกเลิกการนิรโทษกรรมคสช.-การเสนอเปลี่ยนแปลงที่มาและขอบเขตการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เป็นต้น

โดยเอาแค่เรื่อง “ล้างมรดกคสช.” อย่างยกเลิกการนิรโทษกรรมคสช. ที่อยู่ในมาตรา 279 เรื่องเดียว

ลำพังแค่เรื่องนี้ มีหรือที่พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะยอมได้ เพราะเท่ากับจะเปิดช่องให้เกิดการ “เช็คบิลย้อนหลัง” อดีตคสช. ได้ โดยเฉพาะ พี่น้อง 3 ป. บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รวมถึงอดีตแกนนำคสช. ที่ตอนนี้เป็นสว.กันหลายคนเช่น พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตผบ.ทอ. และอีกหลายคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตในบ้านเมือง ก็ไม่มีทางยอมเช่นกัน

ทำให้พี่น้อง 3 ป.และอดีตคสช.เดิมที่่อยู่ในวุฒิสภา ต่างก็จะต้องสั่งและประสาน ให้ส.ส.พลังประชารัฐและส.ส.รัฐบาล ตลอดจน สว.ทั้งหลาย ไม่โหวตเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่ม Re-solution ตั้งแต่วาระแรกเพื่อให้ร่างตกไป จะได้ตัดปัญหาตั้งแต่ต้นลม

แม้ต่อให้กลุ่ม Re-solution จะมั่นใจว่า หากได้เสียงประชาชนลงชื่อด้วยระดับแตะหนึ่งล้านชื่อ จะทำให้ รัฐบาล-พรรคร่วมรัฐบาล-สว. เกิดอาการหวั่นเล็กๆ หากคว่่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของ กลุ่ม Re-solution เพราะเท่ากับ ส.ส.-สว. ปฏิเสธเสียงประชาชนหนึ่งล้านเสียงที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รื้อระบอบประยุทธ์ จนฝ่าย พรรคพลังประชารัฐ-สว. อาจยอมผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แค่บางประเด็น หรืออาจวางแผน ยอมประนีประนอม เช่นยอมให้ผ่านวาระแรก ทั้งหมด แล้วไปแก้ไขต่อรองกันในวาระสอง ในชั้นกรรมาธิการฯ แต่หากต่อรองกันไม่ได้ถึงค่อยคว่ำวาระสาม ชนกันไปเลย ก็ยังทัน

ก็ในเมื่อกลุ่ม Re-solution เปิดหน้ารบกันถึงขั้น ประกาศรื้อระบอบประยุทธ์ เอาคนหนึ่งล้านชื่อมาเป็นแบ็คอัพให้ มันก็ยากที่ พลังประชารัฐ จะยอมคุยกับกลุ่ม Re-solution ได้แล้ว

ทำให้เชื่อได้ว่า พรรคพลังประชารัฐ-สว.-พี่น้อง 3 ป. พร้อมชน กลุ่ม Re-solution แน่นอน บนความได้เปรียบที่ฝ่ายรัฐบาลพลังประชารัฐ มีเสียงส.ส.รัฐบาล-สว. ที่เป็นเสียงข้างมากในรัฐสภาอยู่ในมือ  จนสามารถโหวตคว่่ำทุกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้  หากต้องการ

โรดแมฟ ที่จะรื้อระบอบประยุทธ์ของ ปิยบุตร-ไอติม-กลุ่ม Re-solution จึงคิดและฝันกันได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว โอกาสสำเร็จ ช่างเลือนลาง

………………………………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย…..“พระจันทร์เสี้ยว”