วันก่อน “ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง” ออกแถลงข่าวผลประกอบการ ในฐานะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ก่อนจะไปรับตำแหน่งใหม่ “CEO ปตท.” ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
เขามองทิศทางเศรษฐกิจในปี 2567 ว่า คงไม่แย่ไปกว่าปี 2566 แน่อน ภาวะเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น คาดว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจที่ชัดเจน ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ทำให้กำไร (Margin) ปิโตรเคมีก็เริ่มผงกหัวขึ้น เรียกได้ว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ปีนี้จึงจะเริ่มเห็นบางผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะ Margin ของโพลีเอทิลีน (PE) ขณะที่ ผลิตภัณฑ์โพลีโพรพิลีน (PP) น่าจะต้องใช้เวลา 2 ปีถึงจะเข้าจุดสมดุล จากกำลังการผลิตล้นตลาด เนื่องจากมีโรงงานใหม่เกิดขึ้น ส่วน ปริมาณขายของ Allnex ซึ่งผลิต Coating Resins และ สาร Additives ที่ใช้สำหรับการใช้งานในงานสถาปัตยกรรม อุตสาหกรรมทั่วไป สารเคลือบป้องกัน อุตสาหกรรมรถยนต์ รวมทั้งสารเคลือบผิวและหมึกชนิดพิเศษ จะดีขึ้น 10%
“ทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อทั้งรายได้และ EBITDA ในปีนี้ของ GC แน่นอน” ดร.คงกระพัน ระบุ
อย่างไรก็ตาม มีความท้าทายรออยู่เสมอในการสร้างให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง สำหรับ GC อยู่ที่คู่แข่งอย่าง “จีน” ซึ่งใครๆ ก็ทราบดีว่า จีนได้เปรียบในเรื่องต้นทุน GC จึงต้องทำตามสูตร 3 เรื่อง คือ
1.อะไรชัวร์ค่อยลงทุน ทำในสิ่งที่ไม่ต้องลงทุนมากไปก่อน เน้น Synergy อย่างที่จับมือกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) เพื่อยกระดับบริษัท จีซี โลจิสติกส์ โซลูชั่นส์ จำกัด (GCL) เป็นบริษัทโลจิสติกส์ครบวงจร
2.ต้องรีดไขมันต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรชนิดที่เรียกว่าเข้มข้น ทำให้ต้นทุนแข่งขันได้ และต้อง Link กับตลาดโลก เบี่ยงไปที่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงและผลิตภัณฑ์รักษ์โลกด้วยสอดคล้องกับเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Products: HVP) 56% ในปี 2571 รวมถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรม
3.วางแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยการหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และขยายธุรกิจ Non-Core Business เล็งไปที่การศึกษาธุรกิจใหม่เกี่ยวกับไฮโดรเจนและคาร์บอน โดยใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญที่บริษัทมี สร้างความแตกต่างและผลตอบแทนทางธุรกิจในอนาคต มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ที่ได้วางไว้
โดย ตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเติบโตของ GC บนกลยุทธ์มุ่งสู่ High Value Business (HVB) อยู่ที่ Allnex ที่ผ่านมา GC และ Allnex ตั้ง Thailand Innovation Hub เป็น ศูนย์นวัตกรรม เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และอยู่ระหว่างการต่อยอดความร่วมมือไปยังบริษัทอื่นๆ ในกลุ่ม
Allnex จะเป็นธงนำในการบุกตลาดจีนและเอเชียของ GC นับจากนี้ มีการก่อสร้างสายการผลิต สำหรับศูนย์กลางการผลิตใน Dushan Port มณฑล Zhejiang สาธารณรัฐประชาชนจีน รองรับการผลิตเม็ดพลาสติก แบบ High-performance ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับความต้องการของตลาดในจีนและตลาดโลกทั้งเม็ดพลาสติกและการเคลือบผิวอุตสาหกรรมและสารเติมแต่ง ถือว่าที่นี้เป็นศูนย์กลางการผลิตแห่งใหม่ที่จะผลักดันการเสริมสร้างบทบาทของ Allnex ในจีน นอกจากนี้ GC ยังศึกษาในภูมิภาคต่างๆ เพื่อขยายกำลังการผลิตในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์พิเศษที่มีมูลค่าสูงต่อไป โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“แม้จะเซฟการลงทุน ไม่ชัวร์ไม่ลง แต่ก็ต้องติดปลายนวมกันบ้าง เบาะๆ งบลงทุนในปี 2567 ตั้งไว้ที่ 100-150 ล้านเหรียญสหรัฐ รองรับการลงทุนโรงงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ การขยายธุรกิจผลิตและจำหน่าย PVC และเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ Allnex ส่วนการลงทุนควบรวมหรือซื้อกิจการ(M&A) ขอชะลอไปก่อน เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนสูงเกินไปที่จะลงทุนใหญ่” ดร.คงกระพัน กล่าวย้ำ
การดำเนินงานของ GC จะยังยึด กลยุทธ์ 3 Steps ต่อไป แต่ต้องทบทวนใหม่เป็นระยะ ให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจโลกทั้ง 1.Step Change สร้างความแข็งแกร่ง 2.Step Out แสวงหาโอกาสใหม่ และ 3.Step Up สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ
ซึ่ง Step 3 นี้มีความหมายต่อ GC ที่จะไปสู่ Net Zero ภายในปี 2593 โดย GC จะไม่ได้ไปคนเดียว ในปี 2567 บริษัทได้ต่อยอดแนวคิด “ดีขึ้นเพื่อคุณ ดีขึ้นเพื่อโลก” ร่วมรณรงค์ให้ประชาชนมาเป็น “GEN S..Generation Sustainability คนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน” เชิญชวนให้ใส่ใจรักษ์โลกในหลากหลายวิธีตามถนัด เช่น รับประทานอาหารให้หมด ลดขยะ ปิดน้ำและถอดปลั๊กไฟเมื่อไม่ใช้ การใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ใช้ซ้ำ ใช้อย่างคุ้มค่า หรือช่วยคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เป็นต้น
………………………..
คอลัมน์ : เข็มทิศพลังงาน
โดย “สัญญา สายัน ”
สนับสนุนคอลัมน์ โดย : บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
