การเลือกตั้งกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) พร้อมการเลือกตั้งประธานคนใหม่ ในวันที่ 25 มี.ค.67 นี้ กำลังร้อนแรงขึ้นทุกวัน และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก
หลังจาก “สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และรองประธาน ส.อ.ท. ได้เปิดตัวชัดเจน ที่จะลงสมัครเป็นประธาน ส.อ.ท.ด้วยอีก 1 คน
ต้องยอมรับว่า ตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. ถือว่ามีบทบาทในแวดวงธุรกิจมาก แถมมีส่วนสำคัญต่อการนำเสนอความเห็นให้กับรัฐบาล เพื่อนำไปประกอบการจัดทำนโยบายสารพัด
ไม่เพียงเท่านี้ ประธานส.อ.ท. ยังมีบทบาทในการร่วมเป็นคณะกรรมการต่างๆ ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ เช่น คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี), คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) หรือแม้แต่การเป็น คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) และในอีกหลายคณะ
ขณะที่สมาชิกของ ส.อ.ท. มีทั้งหมด 46 กลุ่ม และ 76 กลุ่มอุตสาหกรรมจังหวัด ที่ครอบคลุมภาคอุตสาหกรรมการผลิต โรงงาน เกินกว่า 60-70% ของจีดีพีประเทศ
ปัจจุบัน “เกรียงไกร เธียรนุกูล” ดำรงตำแหน่งประธานส.อ.ท. ในวาระที่ 1 หรือวาระ 65-67 ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว ประธาน ส.อ.ท.จะดำรงตำแหน่ง ได้ 2 วาระ รวม 4 ปี
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากบอสใหญ่ “สมโภชน์” ที่ประกาศตัวชัดเจนแล้ว ประธานคนปัจจุบันอย่าง “เกรียงไกร” ก็ยังคงเสนอตัวเป็นประธานต่ออีก 1 สมัย เช่นกัน
“เกรียงไกร” มองว่า การมีผู้สมัครเพิ่มไม่ได้มีปัญหาอะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็มีการตั้งคำถามจากสมาชิกถึงกรณีประธานกลุ่มอุตสาหกรรม ประธานส.อ.ท.จังหวัด ประธานคลัสเตอร์ ที่ปกติมีธรรมเนียมปฎิบัติที่เป็น 2 ปี บวก 2 ปี หรือ 4 ปี เพื่อให้การทำงานเดินหน้าได้ต่อเนื่อง
พร้อมกับยอมรับว่า ทุกคนต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ก็พร้อมรับฟังหมด คนส่วนใหญ่พูดว่าควรปฎิบัติเป็นธรรมเนียม ต้องเข้าใจว่าธรรมเนียมไม่ใช่กฎหมาย ไม่ได้มีบทลงโทษ
แต่เนื่องจาก คนส่วนใหญ่มองว่าการดำรงตำแหน่งอย่างน้อย 4 ปี เหมาะสมกว่า เพราะ 2 ปีสั้นไป แค่ออกนโยบายยังไม่ทันได้ทำอะไรเวลาก็หมดลงแล้ว
ดังนั้น 2 ปี ต่อจากนี้จะเป็นปีที่เก็บเกี่ยวผลงานที่จะสำเร็จ และคิดว่าโครงการที่ทำอยู่กำลังออกดอกออกผล แต่สุดท้าย!! ก็ขึ้นอยู่กับสมาชิก ถ้ายังมีประโยชน์ ผลงานเข้าตา ก็เลือกเป็นประธาน ส.อ.ท.อีกสมัยได้
ขณะที่ “บิ๊กบอส EA” ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพื่อสื่อถึงแนวคิดในการลงสมัคร และย้ำว่า เป็นอุดมการณ์ที่ต้องการรับใช้ชาติ ในฐานะภาคเอกชน โดยใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์มาช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ที่สำคัญ!!…ในเวลานี้ประเทศไทยรอไม่ได้แล้ว หนี้ครัวเรือนมีมาก การลงทุนไม่เข้า ถ้ารอตามธรรมเนียมอีก 2 ปี ก็เปรียบเหมือนคนเป็นมะเร็งระยะแรก ที่อาจรอได้ แต่ถ้าเป็นระยะที่ 4 หากรอก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ควรตั้งรับ แต่ต้องอยู่ในเชิงรุก
“สมโภชน์” โชว์วิสัยทัศน์ชัดๆ ให้เห็นอีกว่า ในอนาคตจะได้เห็นการทำงานของส.อ.ท.ในเชิงรุก ใน 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ 4 ด้าน
เริ่มจาก…1.การทำงานเชิงรุกในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ให้สอดประสานระหว่างภาครัฐกับเอกชน นอกจากนี้ 2.ต้องสร้างพลังและเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศ
เช่นเดียวกับ…3.การประสานภาครัฐให้ช่วยส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย-รายใหม่ในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่า สุดท้าย…คือ 4.ต้องนำความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีมาบูรณาการในเชิงรุกและเชิงรับทุกมิติ
ทั้งนี้ทั้งนั้น!! ใครจะได้เป็นประธานส.อ.ท.คนต่อไป ก็ต้องขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงข้างมาก ที่เชื่อได้ว่า หลังจากนี้การเดินหน้าขับเคี่ยวเพื่อหาคะแนนเสียงข้างมาก จะดุเดือดเลือดพล่านไม่น้อย!!
เพราะอย่างน้อยการเสนอตัวของ “สมโภชน์” ก็มีแรงสนับสนุนจาก “สุพันธุ์ มงคลสุธี” อดีตประธานส.อ.ท. ก่อนผันตัวไปเข้าสู่วิถีการเมือง ก่อนกลับเข้าสู่วงการธุรกิจ และรับตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ ส.อ.ท.
ท่ามกลางกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในการเลือกตั้ง “ประธานส.อ.ท.คนใหม่” ครั้งนี้ ได้กลายเป็นจุดวัดสำคัญ ว่า สุดท้ายแล้วบรรดาสมาชิก ส.อ.ท. จะรวมเป็นหนึ่งได้มากน้อยเพียงใด?
………………………………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)