วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS"หญิงหน่อย"จี้รัฐเร่งมือ''สยบโควิด"ให้จบในปี 64
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“หญิงหน่อย”จี้รัฐเร่งมือ”สยบโควิด”ให้จบในปี 64

“คุณหญิงสุดารัตน์” เสนอรัฐบาลประกาศแผน “ยุทธการสยบโควิด” ให้จบในปี 64 สร้างความเชื่อมั่น เร่งเปิดประเทศอย่างปลอดภัยเพื่อให้คนไทยกลับมาทำมาหากินได้อย่างปกติสุข

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 64 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan  ดิฉันขอเสนอให้รัฐบาล เร่งประกาศแผน “ยุทธการสยบ COVIDให้จบในปี 64” เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ทั้งเรื่องสุขภาพ และเศรษฐกิจ ‘เร่งเปิดประเทศ’ อย่างปลอดภัยภายในสิ้นปีนี้

เพื่อให้คนไทยกลับมาทำมาหากินได้อย่างปกติสุข โดย

  1. บริหารแผนวัคซีนใหม่ ให้คนไทยได้วัคซีน’เพียงพอ’ และ’เร็วทัน’ สร้างภูมิคุ้มกัน ชนะ Covid เร็วที่สุด
  2. เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการตรวจและรักษา เพื่อรักษาชีวิตคนไทยให้สูญเสียน้อยที่สุด
  3. เร่งออกมาตรการเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไม่ให้คนไทยตายเพราะอด

ขณะนี้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจ ว่า COVID จะจบเมื่อไหร่ วัคซีนจะมาเมื่อไหร่ จะเปิดทำการค้าขายได้เมื่อไหร่ คนไทยกำลังสิ้นหวัง มองไม่เห็นอนาคตของตนเอง
และยังไม่ได้คำตอบจากผู้นำ

ในขณะที่ ผู้นำทั่วโลก กำลังเร่งวางแผนสยบ COVID เร่งฉีดวัคซีน เพื่อสร้าง’ภูมิคุ้มกันหมู่’ ให้ได้ก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อเปิดประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจ อย่างอิสราเอล เป็นต้น หันกลับมามองที่ประเทศไทยเราฉีดวัคซีนได้น้อยมาก เพียง 0.1% เท่านั้น ครองแชมป์รองบ๊วยในอาเซียน วัคซีนเป็น “หัวใจ” สำคัญ ที่จะสร้างความเชื่อมั่น เพราะไม่เพียงสกัดการระบาดของ COVID แต่วัคซีนคือ “เครื่องปั๊มหัวใจ” ของเศรษฐกิจไทย อีกด้วย

ดิฉันจึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการในเรื่องต่อไปนี้ อย่างจริงจัง

1.บริหารจัดการแผนวัคซีนใหม่ทั้งหมด

1.1) ฉีดให้มากพอ : ตั้งเป้าฉีดให้คนไทยอย่างน้อย 50 ล้านคน หรือ 70% ของประชากรเพื่อให้เกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” เดิมรัฐบาล สั่งวัคซีนมาแค่ 63 ล้านโดส ฉีดได้เพียง 31.5 ล้านคน ยังไม่ถึงครึ่งของคนไทยเลย ดังนั้นต้องเร่งสั่งซื้อเพิ่ม ’จากทุกยี่ห้อ’ อีก 40 ล้านโดส ซึ่งใช้งบไม่เกิน 40,000 ล้านบาท โดยดิฉันเสนอให้ตัดจากงบประจำปี64 ที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนทั้งหมด ทั้งงบซื้ออาวุธ ซื้อเรือดำน้ำ สร้างตึก ฯลฯ ถ้ายังไม่พอให้ขอความร่วมมือไปยัง’ท้องถิ่น’ เพื่อขอนำเงินสะสม มาสมทบ ซึ่งท้องถิ่นเขามาพบดิฉัน และบอกว่าเขายินดีสนับสนุนแนวคิดดิฉันเต็มที่และเปิดโอกาสให้รพ.เอกชน มาร่วมซื้อวัคซีน เพื่อช่วยกันฉีดให้ประชาชนได้มากขึ้น

ถ้ามองอย่างนักบริหารจะเห็นว่า การซื้อวัคซีนอีก 40 ล้านโดส ใช้งบไม่เกิน 40,000 ล้านบาท คุ้มค่ามหาศาลต่อชีวิต และเศรษฐกิจที่’พัง’ เพียงไตรมาสเดียวกว่า 4.5 แสนล้าน (จากม.หอการค้า) ถ้าถึงสิ้นปี ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะสูงกว่า 1.5 ล้านล้านบาท อย่างแน่นอน

1.2) ฉีดให้เร็ว : ตั้งเป้าเวลาฉีดวัคซีน ให้จบภายในปี64 คือ 7 เดือน นับจากมิถุนายนนี้เป็นต้นไป ตั้งเป้า
1 เดือนต้องฉีดให้ได้15ล.โดส
1 วันต้องฉีดให้ได้ 5 แสนโดส

โดยมอบหมายกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ทำงานร่วมกับมหาดไทย และท้องถิ่น ซึ่งดิฉันเชื่อมั่นในศักยภาพของทั้ง 3 หน่วยงาน ว่าจะช่วยกระจายการฉีดวัคซีน ได้ทันเวลา 7 เดือนอย่างแน่นอนค่ะ

  1. เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการตรวจและรักษา เพื่อให้สามารถดูแลประชาชนได้ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากว่าปัจจุบัน เช่นรพ.สนาม ที่ส่วนใหญ่สภาพไม่เหมาะสมต่อการพักรักษา รัฐควรเช่าโรงแรมที่มีห้องเหลืออยู่ทุกจังหวัดแทน
    รวมทั้งรัฐต้องกระจายงบประมาณและอำนาจให้ทุกรพ. แทนการรวมไว้ที่ส่วนกลาง

ที่สำคัญต้องเร่งจ่าย’เบี้ยงเสี่ยงภัย’ ให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพราะบุคคลเหล่านี้ คือผู้เสียสละ งานล้นมือ ไม่มีเวลาหยุด และยังต้องเสี่ยงต่อการติดโรคสูง “เตียงเพิ่มได้ แต่แพทย์ พยาบาลเพิ่มไม่ได้” จึงควรดูแลและให้กำลังใจ

3) เร่งออกมาตรการเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ

3.1) ระยะเร่งด่วน คือการเยียวยาคนตกงาน ทั้งพ่อค้า-แม่ขายรายย่อย อาชีพอิสระ เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน คนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน

3.2) เร่งช่วยผู้ประกอบการ SMEs ไม่ให้เจ๊ง
SMEs มีทั้งหมดกว่า 3 ล้านราย จ้างงานถึง 13 ล้านคน จึงต้องช่วยพยุงไม่ให้ SMEs ปิดตัว หรือเลิกจ้างพนักงาน โดยช่วยจ่ายค่าจ้างบางส่วนเพื่อ’รักษาตำแหน่งงานไว้’ ไม่ให้คนตกงาน และSMEs อยู่รอด

3.3) รัฐบาลต้องวาง “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทย หลังCOVID” โดยสนับสนุนงบประมาณ รวมทั้งแก้กฎระเบียบ เพื่อส่งเสริมให้เกิดธุรกิจดาวรุ่งหลัง COVID ให้ได้ อย่างเช่น

  1. ศูนย์กลางอาหารปลอดภัยของโลก
    2.ศูนย์กลางการท่องเที่ยว และบริการด้านสุขภาพ
  2. ทำให้ไทยกลายเป็นออฟฟิศของคนเก่ง และเศรษฐีทั่วโลก ที่จะมา WORK FROM THAILAND เช่นพวก DIGITAL NOMADS

เนื้อที่หมดค่ะ ไว้ดิฉันจะมาขอเล่าแนวคิดและนโยบายในการ “พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส” ของเศรษฐกิจไทย หลังCOVID ต่อไปในตอนหน้านะคะ

ทั้งหมดที่เสนอด้วยความปรารถนาดี หวังให้รัฐบาลแก้ปัญหาของประชาชนได้สำเร็จ หวังว่าผู้นำจะช่วยรับฟัง และนำไปดำเนินการบ้างนะคะ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img