“ดิจิทัล วอลเล็ต” นโยบายเรือธงรัฐบาลเพื่อไทยเปิดไทม์ไลน์ชัด ไร้โรคเลื่อน หลังยึกยักมาแล้วหลายกระทอก
โดยกวักมือเชิญชวนร้านค้าลงทะเบียนยืนยันตัวตนไตรมาส 3 และยิงตรงเข้ากระเป๋าตังค์ของประชาชน 50 ล้านคน ไตรมาส 4
“นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน มั่นใจแหล่งเงิน 5 แสนล้านบาท โป๊ะโครงการไม่กระทบวินัยการเงินการคลังเหมือนที่หลายฝ่ายเป็นห่วง โดยพลิกเกมจากออกพ.ร.บ.เงินกู้ เป็นบริหารจัดการงบประมาณปี 67-68 ควบคู่
เริ่มจากเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านงบประมาณรายจ่าย ปี 67 ได้เหนาะๆ 1.75 แสนล้านบาท
ซิกแซกเติมเงินโครงการผ่านหน่วยงานรัฐ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดูแลกลุ่มเกษตรกร 1.723 แสนล้านบาท และสอยจากงบประมาณรายจ่าย ปี 68 วงเงิน 1.527 แสนล้านบาท
หากสองปฏิทินร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำ ปี 68 ครม.เพิ่งมีมติเห็นชอบวงเงิน 3.6 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งงบประมาณขาดดุล 7.13 แสนล้านบาท จำนวนนี้รัฐบาลต้องกู้มา เป็นจำนวนใกล้เคียงกับงบลงทุน 7.423 แสนล้านบาท ฉายให้เห็นภาพคือต้องกู้มาเพื่อใช้ลงทุน
พอส่องงบรายจ่ายประจำปาเข้าไป 75.38% ของงบประมาณรวม หรือ 2.7137 ล้านล้านบาท เพิ่มจากงบประมาณ ปี 67 ที่มีสัดส่วน 72.78%
ล้างหูรอฟังฝ่ายค้านชำแหละงบประมาณในปี 68ได้เลย ตามปฏิทินต้องเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ถกงบวาระรับหลักการประมาณ 5-6 มิ.ย.67 วาระ 2-3 วันที่ 28-29 ส.ค.67 ก่อนเข้าวุฒิสภาตามลำดับ
“อาจารย์ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถึงกับดักคอล่วงหน้า ชี้ให้เห็นผลกระทบตามมา “หนี้สาธารณะ”
เฉพาะขยายวงเงินงบประมาณรายจ่าย ปี 68 หนี้สาธารณะขยับไปที่ 67% แถมมีภาระดอกเบี้ยแต่ละปีเพิ่มเป็น 11% ของรายได้ เท่ากับเก็บภาษีมาเท่าใดเอาไปจ่ายดอกเบี้ยหมด
เป็น “คอขวด” สำคัญที่รัฐบาลต้องก้มหน้ารับไป รัฐบาลชุดต่อไปต้องมาแบกรับภาระหนี้จ่อคอหอยชนเพดาน 70% ของ “หนี้สาธารณะ”
แค่ฟังออเดิร์ฟของฝ่ายค้านไม่รู้ว่ากระตุกรัฐบาลได้แค่ไหน ที่ยืนยันหนักแน่นไม่กระทบต่อวินัยการเงินการคลัง
แต่ผมในฐานะเป็นหนึ่งผู้เสียภาษีอากร ติดใจระบบ “ซูปเปอร์แอพ” ที่พัฒนาขึ้นโดยสำนักงานพัฒนาดิจิทัลร่วมกับกระทรวงดีอี เพื่อเป็นเครื่องมือจ่ายเงินดิจิทัลผ่านไปสู่กระเป๋าตังค์ของประชาชน 50 ล้านคน
ขอถามว่าเป็น “ซอฟแวร์บล็อกเชนสาธารณะ” ที่เป็นเครื่องมือสำคัญโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลหรือไม่ โดยสามารถทำธุรกรรมชนิดเรียลไทม์ รองรับผู้ใช้งานพร้อมกันได้ชนิดอันลิมิต ปลอดภัย แก้ไขระบบหลังบ้านไม่ได้ จดบันทึกทำธุรกรรมรวดเร็วเป็นเสี้ยววินาที ใครซื้อ ใครขาย ใครแลกเงินสด บันทึกได้หมดทุกพฤติกรรมที่เกิดขึ้น
หากรัฐบาลไม่มีเครื่องมือตัวนี้โอกาสเกิดคอร์รัปชันย่อมสูงมาก แม้มีคณะอนุกรรมการด้านตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขของโครงการ คอยสอดส่องพฤติกรรมโกง ยิ่งสะท้อนให้เห็น “ซูปเปอร์แอพ” แก้ระบบหลังบ้านได้ เพราะไม่ใช่ “ซอฟแวร์บล็อกเชนสาธารณะ”
รับรองเมกะโปรเจคนี้…คอร์รัปชันสะบัดช่อ ปล้นชาติฉบับโลกออนไลน์
………………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น