หลายคนคงเคยสงสัยว่า สกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร จะเป็นสกุลเงินสำหรับอนาคตหรือไม่
ทำไม อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ถึงตัดสินใจซื้อบิทคอยน์ (Bitcoin หรือ BTC) ไปมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อแทนเงินสดของ บริษัท เทสลา มอเตอร์ (Tesla Motors, Inc.) มาลองดูกันว่าที่จริงแล้วคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร และนักลงทุนควรคำนึงถึงปัจจัยใดบ้างในการลงทุน
คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร
คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือสกุลเงินเข้ารหัสหรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่รับการออกแบบมาเพื่อเป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยนโดยใช้วิทยาการเข้ารหัสหรือรหัสลับ การป้องกันและยืนยันธุรกรรม โดยพื้นฐานแล้วคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ถูกสร้างไว้บนเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) หรือบางทีก็ถูกเรียกว่าระบบบันทึกรายการธุรกรรมดิจิทัลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Distributed Ledger Technology หรือ DLT) ทำให้ธุรกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเกิดขึ้นได้อย่างโปร่งใส (Transparency) และไม่ต้องอาศัยตัวกลาง ด้วยการใช้เครือข่ายแบบกระจายศูนย์ที่ปลอดภัยจากปัญหาการเก็บข้อมูลไว้ที่เดียว (Decentralized) ซึ่งทำให้ข้อมูลธุรกรรมมีความปลอดภัยสูงจากการแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูล ปลอดภัยจากการสูญหายข้อมูลเมื่อระบบมีปัญหา และที่สำคัญคือไม่มีคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของหรือมีอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียว
เหตุใดคนทั่วโลกถึงให้ความสนใจคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)
ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ราคาคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ถีบตัวขึ้นอย่างมาก เหตุผลหนึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากที่คนเริ่มไม่ค่อยเชื่อถือในเงินสกุลท้องถิ่นและไม่มั่นใจในเสถียรภาพระบบการเงินในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ นักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกต่างก็กระโดดเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ทำให้ราคาของบิตคอยน์ พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 63,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 2 ล้านบาทในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถจับต้องได้ ต่างจากทองคำหรืออสังหาริมทรัพย์ ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า สรุปแล้วสกุลเงินดิจิทัลควรนับเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการสะสมสินทรัพย์หรือไม่
คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ถือว่าเป็นสินทรัพย์หรือไม่
ภายใต้ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ถือว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง ซึ่งออกแบบให้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน มีราคากลางในการซื้อขายแปรผันตามกลไกตลาด จึงมีหลายคนนำคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เปรียบเทียบสกุลเงินตราต่างๆ (Fiat Currency) เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เงินบาท ฯลฯ ซึ่งจะมีการหนุนหลังด้วยสินทรัพย์ที่มีค่า โดยในอดีตอาจใช้ทองคำหรือปัจจุบันใช้เครดิตของประเทศ แต่อย่างไรก็ตามคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ยังไม่สามารถทำหน้าที่ของเงินได้ครบทุกคุณสมบัติ ธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังไม่รับรองว่าบรรดาคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่เอกชนสร้างขึ้นมาสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย นอกจากนี้มูลค่าของคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ขึ้นอยู่กับเน็ตเวิร์คหรือจำนวนของคนใช้ เช่นเดียวกับ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อีกความหมายหนึ่งคือมูลค่าของคริปโทเคอร์เรนซี(Cryptocurrency) ถูกหนุนด้วยสิ่งที่จับต้องไม่ได้และมีความผันผวนที่สูงมาก
สกุลเงินดิจิทัลหมายถึงแค่บิทคอยน์เท่านั้นหรือ
บ่อยครั้งที่บิทคอยน์ (BTC) ถูกใช้เป็นชื่อเรียกแทนสกุลเงินดิจิทัล แต่แท้จริงแล้วปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 8,800 สลุล1 อาทิเช่น Ethereum (ETH), Binance Coin (BNB), Tether (USDT) และ Ripple (XRP) แต่ละสกุลเงินดิจิทัลก็มีกลไกที่ต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น Ethereum เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส (Open source) ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) จึงมีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเสนอขายเหรียญเริ่มต้นหรือที่ถูกเรียกกันว่า Initial Coin Offering (ICO) ในขณะที่ Binance Coin คือโทเคนดิจิทัลเพื่อการรับประโยชน์ที่ออกโดย Binance เว็บเทรด ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไว้สำหรับใช้ประโยชน์เพื่อการรับส่วนลดและการลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย Tether (USDT) เป็นคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ประเภทสเตเบิ้ลคอยน์ (Stablecoins) ซึ่งเป็นคริปโตที่ผูกกับสินทรัพย์ที่มีความคงที่หรือในขณะนี้คือ ผูกไว้กับดอลลาร์สหรัฐฯ
นักลงทุนควรคำนึงถึงปัจจัยใดบ้างในการลงทุน
เนื่องจากตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) มีความผันผวนเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ในหนึ่งวันราคาบิทคอยน์เคยพุ่งสูงขึ้น 65% ในขณะที่ราคาน้ำมันผันผวนน้อยกว่า 10% โดยเฉลี่ย นักลงทุนควรพยายามกระจายความเสี่ยงโดยอย่าลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือ บิทคอยน์เพียงอย่างเดียว ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง และ หากจะลงทุนสกุลเงินดิจิทัล ก็ควรลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลประเภทต่างๆในเวลาเดียวกัน ในงานผลวิจัยล่าสุดของ Phiromswad et al. (2021) ได้ศึกษาพฤติกรรมของราคาและผลตอบแทนสกุลเงินดิจิทัลประเภทต่างๆ ทั้งสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่เช่น บิทคอยน์ (BTC) Ethereum (ETH) และ Ripple (XRP) รวมทั้งสกุลเงินดิจิทัลขนาดกลางและเล็ก ซึ่งเป็นการศึกษาที่รวมสกุลเงินดิจิทัลประเภทต่างๆไว้ในการศึกษาที่มากที่สุด คณะผู้วิจัยพบว่าสกุลเงินดิจิทัล มีการปรับตัวแบบฉับพลัน หรือ Jumps ในความถี่และขนาดที่สูงกว่าหุ้นอยู่หลายเท่าตัวนอกจากนี้ คณะผู้วิจัยพบว่าสกุลเงินดิจิทัลขนาดกลางและขนาดเล็ก มีการปรับตัวแบบฉับพลัน หรือ Jumps ในความถี่และขนาดที่มากกว่าสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่อีกหลายเท่าตัว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสกุลเงินดิจิทัลมีการปรับตัวที่ไม่ปกติ และ มีความเสี่ยงที่อาจจะมากเกินกว่าที่นักลงทุนหลายคนตระหนัก อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนจัดสรรสัดส่วนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างเหมาะสม และไม่กระจุกตัวเกินไปก็สามารถกระจายความเสี่ยงของลงทุนได้ นอกจากนี้การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ถือเป็นการเรียนรู้แบบลงสนามจริงแบบหนึ่ง เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลจะอยู่กับเราไปอีกนาน
จะซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ได้ที่ไหน
นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ได้ผ่านโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรการเงินระหว่างประเทศ ตัวอย่างเช่น Bitkub, Satang Pro และ Upbit เนื่องจากคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่มีความผันผวนสูง การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) จึงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจและความสามารถรับความเสี่ยงจากการได้รับผลขาดทุนจากการลงทุนได้ นอกจากนี้คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) อาจเป็นช่องทางหนึ่งในการทำ “illicit financing” หรือช่องทางการเงินที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นระบบที่ยากต่อการสืบค้นหาเจ้าของตัวจริงของแต่ละบัญชี ปัจจุบันทาง ก.ล.ต.จึงมีแนวคิดที่จะยกระดับการกำกับดูแลการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)โดยกำหนดคุณสมบัติผู้ลงทุน
สรุปคริปโทเคอร์เรนซี(Cryptocurrency) น่าลงทุนหรือไม่
“ผมมองว่าถ้าคุณมีเงินน้อยกว่าอีลอน มัสก์ (Elon Musk) คุณก็ควรระวังการลงทุนในบิตคอยน์”
ปรับปรุงมาจากคำกล่าวของนายบิล เกตส์ (Bill Gates)
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแต่ต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง การลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนการลงทุนเสมอ และควรตระหนักถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของการลงทุนด้วย แน่นอนว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) นั้นอาจจะมีมากกว่าความเสี่ยง เพราะการลงทุนในในตลาดคริปโตทคอร์เรนซี (Cryptocurrency) นั้น เป็นรูปแบบการลงทุนที่แม้แต่นักวิชาการหรือนักลงทุนมืออาชีพยังไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมของมันอย่างแท้จริง ดังนั้นการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) จึงไม่ได้มีแต่ความเสี่ยง แต่ยังมีความไม่รู้ หรือความไม่แน่นอนอยู่ด้วย อย่างเช่นถ้าเราโยนเหรียญแล้วทาย เราพอทราบว่ามีโอกาสที่จะออกหัวหรือออกก้อยก็จะอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ถ้าเทียบเหมือนการทายเหรียญ ก็เสมือนว่าไม่รู้เลยว่าโอกาสที่เหรียญจะออกหัวหรือออกก้อยเป็นกี่เปอร์เซนต์
…………………………………………………
อ้างอิง
ข้อมูลจากเว็บไซต์ CoinMarketCap
ชูเชิด, ฐิติมา (2019, Feb1) “สกุลเงินดิจิทัล ใกล้ตัวเราแค่ไหน?”, Bank of Thailand. Available at https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_01Feb2019.aspx
“’บิล เกตส์’ เตือนไม่รวยเท่า ‘อีลอน มัสก์’ อย่าเล่นบิตคอยน์” (2021, Feb26). Post today. Available at https://www.posttoday.com/world/646448
“A global survey report on crypto user motivations, behaviors and preferences” (2021, Jan28). Binance Research (Jonas). Available at https://research.binance.com/en/analysis/global-crypto-user-index-2021
Phiromswad, P., Chatjuthamard, P., Treepongkaruna, S., & Srivannaboon, S. (2021). Jumps and Cojumps analyses of major and minor cryptocurrencies. PloS one, 16(2), e0245744.
บทความนี้เขียนโดย
รศ.ดร.พัฒนาพร ฉัตรจุฑามาส, ศ.ดร.ภรศิษฐ์ จิราภรณ์, ศ.ดร.ศิริมล ตรีพงษ์กรุณา, ผศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ และ ดร.สรวงรัตน์ ปภังกร