ครม.เศรษฐา 1/2 ยังไม่ทันได้ปฏิบัติหน้าที่ ปฎิบัติภารกิจอย่างเต็มรูปแบบ ก็เกิดความวุ่นตามมาติดๆ หลัง “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” รมช. คลัง ลูกหม้อแท้ๆ ของกระทรวงการคลัง กลับถูกลดชั้นกลายไปเป็นรมช.อันดับ 3
สุดท้าย!! ต้องยอมถอย ขอลาออกจากตำแหน่ง ไปทำอย่างอื่นที่มีหน้ามีตาดีกว่า ต่อให้กระแสข่าวจะลือไปในสารพัดทิศทาง โดยเฉพาะ “เกมการเมือง” ก็ตาม
แต่เชื่อเถอะ…ใจเค้า-ใจเรา!! เห็นหน่วยงานที่ต้องเข้าไปดูแล เทียบกับอีก 2 รมช.แล้ว ไม่ต้องเป็น “รมช.กฤษฎา” หรอก!!หากเป็นคุณๆ ท่านๆ ก็เชื่อได้ว่า…ตรูไปดีกว่า จะอยู่แบบถูกตบหน้ากันทำไม?
แบบว่าไม่ต้องเทียบกับรมช.คลังคนอื่น แค่เทียบกับงานที่เคยดูแลในสมัย “เศรษฐา 1” มีทั้ง กรมบัญชีกลาง กรมสรรพสามิต สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมี บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม องค์การสุรา การยาสูบแห่งประเทศไทย แถมยังมีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล อีกต่างหาก
แหม!! เห็นหน่วยงานที่ดูแล ก่อนหน้านี้แล้ว ก็เทียบกันไม่ได้ แถมยังสมศักดิ์ศรี กับการเป็นลูกหม้อเก่า อีกต่างหาก ต่อให้ไม่ได้ดูแลกรมใหญ่ อย่าง “กรมสรรพากร” ก็ตาม
แต่พอมาดู หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายใน รัฐบาลเศรษฐา 1/2 ที่มีเพียง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ, การยาสูบแห่งประเทศไทย, สถาบันคุ้มครองเงินฝาก บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน), สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) แล้ว ก็เห็น…ความแตกต่างไม่น้อย
ใช่ว่า…หน่วยงานที่ได้รับการดูแล จะด้อยค่า หรือไม่มีความหมาย แต่ในฐานะรมต.เก่า ก็ควรจะสมน้ำสมเนื้อกว่านี้หรือไม่? ในมุมสาธารณะแล้วเหมือนกับการถูก “บีบ” อย่างแรง
ส่วนเรื่องราว ข้อเท็จจริงแบบที่เป็นเรื่องจริง จะมีเหตุอื่นใดมาสำทับ ทั้งเรื่องของการ “บีบ” เพื่อช่วงชิงเก้าอี้คืน หรือเรื่องของการ “เอาคืน” จากเหตุการณ์ก่อนหน้า
หรือ!! จะอีกหลายๆ สาเหตุก็ตามแต่ สุดท้ายเรื่องราวของการลาออกของ “รมช.กฤษฎา” ครั้งนี้ ก็เรียกเสียงฮือฮา จากสังคมได้ไม่น้อย แถมยังกลบข่าวฮอต ข่าวร้อนก่อนหน้านี้…โดยเฉพาะเรื่อง “แบงก์ชาติ” ไปหมดทีเดียว หรือ…อย่างน้อยก็อีกหลายวัน
ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ช่วงท้ายของรัฐบาลเศรษฐา 1 จนกว่าจะมาลงตัวที่เศรษฐา 1/1 จนมีการลาออกของรมต.ต่างประเทศ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” จนต้องมีเศรษฐา 1/2 ต่างมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ “แบงก์ชาติ” เรื่องของการ “ขึ้นค่าแรง” เรื่องของ “ข้าวเน่า” ที่พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้เน่า เรื่องราวของการ “เกิดไฟไหม้ตามโรงงาน” และอีกสารพัด
ส่วนรัฐบาลเศรษฐา 1/3 จะเกิดขึ้นเมื่อใด คงยากจะคาดเดา แม้ว่า “หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล” ที่เป็นต้นสังกัดของ “รมช.กฤษฎา” จะออกมาบอกว่าการลาออกที่เกิดขึ้นก็ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวก็ส่งคนใหม่ไปแทน
แต่ในทางปฏิบัติแล้ว…จะเกิดขึ้นได้รวดเร็วแค่ไหน หรือจะเกิดขึ้นในรูปแบบใด ก็คงต้องตามติดสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด แม้เก้าอี้ “รมช.คลัง” จะเป็นโควต้าของพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว!! เชื่อเถอะ การเจรจาต่อรองย่อมต้องเกิดขึ้นแน่นอน
อย่าลืมว่า ที่ผ่านมา ก่อนครม.เศรษฐา 1/1 จะคลอดออกมาได้ การต่อรอง ยังเกิดขึ้นจนวินาทีสุดท้าย โดยเฉพาะเก้าอี้รมช.คลัง ที่ใครๆ ก็รู้ว่า หากเป็นพรรคเดียวทำงานร่วมกันจะทำให้งานเดินหน้าได้มากกว่า
ทั้งหลาย…ทั้งปวง!! ก็ว่ากันไป ตามหนทาง ตามวิถีของ “การเมือง” แต่ในมุมของสังคม ในมุมของคนไทย ในมุมของนักลงทุน ก็ต้องคิดหนักไม่น้อย!!
เพราะกระทรวงการคลังนั้น ต้องถือว่าเป็นกระทรวงเกรดเอ แถมยังเป็นเสาหลักสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้า
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก…ที่บรรดาพรรคการเมืองที่เป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล จะต้องครอบครองเก้าอี้ตัวนี้ไว้ให้มั่น หากเป็นไปได้ ถ้าเป็นรมต.พรรคเดียว การทำงานก็ง่าย !! อะไรๆ ก็ฉลุย !!
เอาเป็นว่า…ก็ต้องมารอดูฉากต่อไป หรือสุดท้ายแล้ว ถ้ากลายเป็นรมต.จากพรรคเดียวกันทั้งหมด กระทรวงวายุภักดิ์แห่งนี้ จะกางปีกได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่?
………………………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo