”เทพไท”จวกกกต.จัดการซื้อเสียงไม่ได้ ทำให้สิ้นหวังกับการเลือกตั้ง และประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์ของประเทศ สมควรยุบทิ้งให้มหาดไทยจัดการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 68 นายเทพไท เสนพงษ์ อดีตสส.นครศรรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กว่า กกต.ล้มเหลว 1 ปี ไม่สามารถให้ใบแดงส.ส.ซื้อเสียงได้เลย ยุบทิ้งคืนให้มหาดไทย
ครบ1ปีของการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นวันสุดท้ายของการให้ใบแดง ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส. ที่คณะกรรมการเลือกตั้งได้ประกาศไว้หลังจากวันเลือกตั้งไปแล้วว่า ปล่อยผีไปก่อนแล้ว ค่อยสอยทีหลังภายใน1ปีตามกฎหมายกำหนด
ตลอดระยะเวลา1ปี ประชาชนต่างก็เฝ้ารอคอยว่า กกต.ชุดนี้ จะให้ใบแดงผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส. กี่คน มีใครบ้าง ทั้งที่เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าการเลือกตั้งระบบเขต 400 เขต มีการซื้อเสียงกันทุกเขต และผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งในระบบเขตมาไม่น้อยกว่า 70% มาจากการซื้อเสียงทั้งนั้น แต่กกต. ไม่สามารถจับผู้ซื้อเสียงได้เลย
แม้ว่าประชาชนในพื้นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า มีการจดรายชื่อนำไปส่งให้กับหัวคะแนน เพื่อแลกกับเงินหัวละ 500 บาทบ้าง 1000 บาทบ้าง แต่กกต. ไม่สามารถให้ใบแดงกับการซื้อเสียงได้เลยแม้แต่ คนเดียว มีเพียงแต่ให้ใบแดงกับส.ส. 2 คน คือ นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทยในข้อหาจัดเลี้ยง และนายสุวรรณา กุมภิโร ส.ส.บึงกาฬ พรรคภูมิใจไทย ในข้อหาจ่ายเงินให้วัด ซึ่งเป็นความผิดกฎหมายเลือกตั้งซึ่งการจับผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และให้ใบแดงในลักษณะเช่นนี้ทำได้ไม่ยาก
เพราะในปี 2562 กกต.เคยให้ใบแดง นายสุรพล เกียรติไชยากร ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในข้อหาใส่ซองทำบุญให้วัด กับนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส. สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ในข้อหาใส่ซองทำบุญงานศพ แต่กรณีการจดรายชื่อเป็นบัญชีเป็นหางว่าวแลกกับการซื้อเสียง กกต.กลับจับไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว
เมื่อกกต. รับรองผลการเลือกตั้ง และประกาศว่าจะสอยภายใน 1 ปี ในที่สุดก็ให้ใบแดงได้เพียง2คน จะทำให้การเลือกตั้งครั้งต่อไป จะเกิดพฤฒิกรรมการซื้อเสียงเอาชนะไว้ก่อน หวังให้กกต.ปล่อยผี ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นส.ส.ได้ 1 ปี และอาจจะปล่อยผีตอนครบ1ปี ไม่มีส.ส.คนใดได้ใบแดงก็ได้
การทำงานของกกต. ชุดนี้ ต้องยอมรับว่าประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา คือปีพ.ศ.2562 กับปีพ.ศ. 2566 มีการซื้อเสียงกันอย่างมโหฬาร และเปิดเผยเป็นที่รับรู้กันทั่วไป ถ้าหากจะจับส.ส.ทั้งสภาไปสาบานที่วัดพระแก้วเรื่องการซื้อเสียง เชื่อว่าน่าจะตายกันเกือบหมดทั้งสภา แต่กกต.ไม่สามารถให้ใบแดงกับคนชื่อเสียงได้เลย ถ้าเป็นเช่นนี้ประเทศไทยไม่ควรมีกกต.มาจัดการเลือกตั้งให้สิ้นเปลืองงบประมาณ คืนอำนาจกลับไปให้กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้งเหมือนในอดีตจะดีกว่า
การซื้อเสียงเป็นมะเร็งร้ายทางการเมือง เพราะคนซื้อเสียงย่อมถอนทุนคืน พรรคการเมืองที่ลงทุนการเลือกตั้งระดับหลักพันล้านถึงหมื่นล้าน มีความพยายามดิ้นรนจากเข้าไปเป็นรัฐบาลให้ได้ หวังจะถอนทุนคืน และสะสมทุนเพื่อการเลือกตั้งในครั้งต่อไป
เมื่อเห็นการทำงานของกกต. ในลักษณะเช่นนี้ ก็ทำให้สิ้นหวังกับการเลือกตั้ง และประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์ของประเทศ