วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightรัฐเล็งออกมาตรการจูงใจ “คนมีเงินฝาก”ใช้จ่าย-ดัน“จีดีพี”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รัฐเล็งออกมาตรการจูงใจ “คนมีเงินฝาก”ใช้จ่าย-ดัน“จีดีพี”

“สุพัฒนพงษ์” เผยเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคาดมีผล มิ.ย.นี้ เร่งเบิกจ่ายงบ ก.ค.นี้เปิดประเทศรับท่องเที่ยวตามแผนเดิม จูงใจคนมีเงินฝากออกมาใช้จ่าย ดันจีดีพีให้สูง 

เมื่อวันที่ 26เม.ย.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า  วันนี้อยากให้มองว่าแม้จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ต้องดูในมิติของผู้ที่หายป่วยประกอบกันด้วย ซึ่งจากข้อมูลเปรียบเทียบย้อนหลังไปเมื่อ 14 วันที่แล้ว ขณะที่ในวันนี้ก็มีผู้หายป่วยประมาณกว่า 400 คนซึ่งถือว่าปรับเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญ  

ทั้งนี้การหาวิธีการดูแลผู้ติดเชื้อในประเภทต่างๆทั้งที่แสดงอาการไม่แสดงอาการ หรือมีอาการรุนแรงก็ตามเป็นสิ่งสำคัญ ในส่วนของแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวนั้น ยังไม่มีการพิจารณาใหม่ แต่ต้องรอดูสถานการณ์ภายในสัปดาห์นี้ที่น่าจะทำให้รู้ทิศทางได้ เบื้องต้นยังกำหนดเป็นช่วงเดือนก.ค.เช่นเดิม

ส่วนที่กระทรวงการท่องเที่ยวปรับลดเป้าด้านการท่องเที่ยวนั้น ถือเป็นภาพรวมด้านการท่องเที่ยวที่ในแต่ละปีคนไทยมีการท่องเที่ยวมาก ซึ่งมีเม็ดเงินกว่าล้านล้านบาท โดยการประเมินว่าจะมีการท่องเที่ยว 120 ล้านคนครั้ง จากเดิม 160 ล้านคนครั้งนั้น ถือเป็นการประเมินในช่วงเวลาขณะนี้ ทั้งนี้หากหลังจากนี้สามารถแก้ปัญหาให้กลับมาอยู่ในทิศทางที่ดี อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ คนไทยมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น จะทำให้ทุกคนกลับไปท่องเที่ยวได้เหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิมด้วน

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  เป้านักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลงกว่าครึ่งคือจาก 6 ล้านคนเป็น 3 ล้านคนนั้น ต้องมองข้อเท็จจริงว่า ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยแต่ทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด สิ่งสำคัญคือทุกคนยังคงต้องระมัดระวังตัวเอง สวนสยามหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะที่ตัวเลขจีดีพีนั้น มองว่าคงเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทั่วโลก เพราะการระบาดในรอบนี้ยอมรับว่าน่าเป็นห่วงอย่างไรก็ตามมองว่าหากคนไทยทุกคนช่วยกันก็ยังมีโอกาสที่ตัวเลขจีดีพีของไทยจะเป็นไปตามเป้าที่ร้อยละ 4 ได้  

”ขณะนี้พบตัวเลขในบัญชีเงินฝากของคนไทยมีเพิ่มสูงขึ้น หลายแสนล้านบาท หรือ ประมาณ 5-6 แสนล้านบาท ดังนั้นหากอยากให้จีดีพีเป็นไปตามเป้าที่ร้อยละ 4 คนไทยก็ต้องช่วยกันออกมาใช้จ่ายช่วยกันบริโภค ซึ่งยอดเงินฝากนี้หากเปลี่ยนเป็นจีดีพีก็จะอยู่ร้อยละ 3 โดยมองว่าหากมีการใช้จ่าย เพียงแค่ 1 ใน 3 หรือครึ่งหนึ่งของยอดเงินดังกล่าวก็จะมีส่วนช่วยผลักดันตัวเลขจีดีพีได้มาก ถึงร้อยละ 1 ”

ดังนั้นเมื่อรวมกับการประเมินจากภายนอกว่าเศรษฐกิจไทยจะโตอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ดังนั้นหากได้ยอดการใช้จ่ายส่วนนี้ไปช่วยก็จะทำให้ตัวเลขเป็นไปตามเป้าได้ ซึ่งหาคนไทยกลุ่มนี้รักประเทศไทยต่างชาติมาช่วยกันใช้จ่าย มีความใจบุญเอื้ออาทร ร่วมดูแลคนที่ด้อยโอกาสกว่า

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นรัฐบาลได้เตรียมไว้แล้วคาดว่าเดือนมิถุนายนก็เริ่มมีผล จึงย้ำว่าทุกอย่างมีการจัดเตรียมไว้แล้ว ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องเร่งการใช้จ่ายงบประมาณของแต่ละกระทรวง โดยใช้เครื่องมือในส่วนของพ.ร.บ.เงินกู้ ที่ยังอยู่ในกรอบงบประมาณเดิมด้วย

โดยย้ำว่าไม่ได้ใช้งบประมาณมาก แต่เน้นให้คนที่มีเงินฝากจำนวนมากออกมาใช้จ่ายเพื่อช่วยชาติ จึงจะมีแรงจูงใจให้กับคนที่มีเงินฝาก ออกมาช่วยชาติซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นมาตรการในลักษณะคนละครึ่ง หรืออาจจะเป็นคนละเสี้ยวคนละค่อน แต่สิ่งสำคัญวันนี้คือต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าประเทศไทยสามารถควบคุม ดูแลการแพร่ระบาดได้ ในระดับที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่น ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างจะค่อยๆคลี่คลายลงได้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

ว่าด้วยเรื่อง พัฒนา“พุทธมณฑล”

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img