“องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่” ดาหน้าเรียกร้อง “ฝ่ายค้าน” พักการเมืองไว้ชั่วคราว หยุดใช้วาทะตีกินทางการเมือง ในช่วงบ้านเมืองวิกฤต “ธนกร” อวยนายกฯเป็นตัวอย่างที่ดี แม้ไม่ได้ตั้งใจใส่แมสก์ เมื่อรู้ว่าผิด ก็แสดงความรับผิดชอบ ขณะที่ “แรมโบ้” ชูหลายประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมาก ไม่มีออกมาไล่ผู้นำประเทศเหมือนฝ่ายค้านในไทย
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นั่งประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้แจ้งไปยังพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่าการกระทำดังกล่าว ผิดหรือไม่ เมื่อทราบว่าการกระทำดังกล่าว ฝ่าฝืนประกาศ กทม. เรื่องให้ประชาชนในพื้นที่ กทม.สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก เป็นความผิดตามมาตรา 51 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ เป็นจำนวนเงิน 6,000-20,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์จึงได้ให้พนักงานสอบสวนมาเปรียบเทียบปรับจำนวน 6,000 บาท เนื่องจากเป็นความผิดครั้งแรก ดังนั้นประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตามประกาศ หากทำผิดต้องถูกเปรียบเทียบปรับ ไม่มีสองมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม นายกฯไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อทำผิด ก็แสดงความรับผิดชอบทันที ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ถูกต้อง
นายธนกร กล่าวอีกว่า มาตรการดังกล่าวของกทม.ก็เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นฝากถึงพี่น้องประชาชนด้วย เมื่อออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย อยากให้ทุกฝ่ายให้กำลังใจกันและกัน โดยเฉพาะการให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และให้กำลังใจประชาชนทั่วประเทศในการต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 ไม่อยากเห็นการออกมาตำหนิกันไป-มา โดยเฉพาะพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาอะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลก็รับฟัง อยากให้พักการเมืองไว้ก่อน แล้วมาช่วยกัน อยากเห็นความรัก ความสามัคคี ของคนไทยทุกคน ตนเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน ขอเพียงทุกคนช่วยกัน
ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ว่า การแพร่ระบาดจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี และ ศบค. ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ ได้เตรียมความพร้อมและทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้ โดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันการที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงฝ่ายการเมือง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณหลายพรรคการเมืองที่ออกมาช่วยเหลือ ด้วยการตั้งศูนย์ประงาน และหารือกันภายในพรรค เพื่อมีข้อเสนอที่ดีให้กับนายกฯและรัฐบาล นำไปปรับใช้ ตนมั่นใจว่าข้อเสนอใดที่เป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้กับประชาชนได้ นายกฯพร้อมรับฟังอย่างแน่นอน
“อยากขอร้องฝ่ายการเมือง ในขณะที่บ้านเมืองกำลังวิกฤต ควรให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อย่าออกมากล่าวโจมตี กล่าวหานายกฯ รัฐบาล และบุคลากรทางการแพทย์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะคนเหล่านี้ล้วนแต่ทำงานหนักตลอดเวลาเพื่อช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ขออย่านำประเด็นทางการเมืองมาตีกินทางการเมืองในขณะนี้ หรือแม้แต่เรียกร้องให้นายกฯลาออก หรือยุบสภาฯ เพราะอาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ อีกทั้งการยุบสภาฯก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ที่จะนำมาพูดให้เกิดความสับสน”นายเสกสกลกล่าวและว่า หากเทียบกับในต่างประเทศ หลายประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิดเป็นจำนวนมาก แต่ไม่เห็นมีประชาชน หรือ ส.ส.ในประเทศเหล่านั้น ออกมาขับไล่นายกรัฐมนตรี ไล่ประธานาธิบดี หรือไล่รัฐบาล เหมือนพรรคฝ่ายค้านในประเทศไทยเลย ดังนั้นก็ขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ก่อน ส่วนการเมืองจะเล่นกันภายหลังค่อยว่ากัน เอาความปลอดภัยและชีวิตประชาชนเป็นตัวตั้งก่อน
นายเสกสกล กล่าวอีกว่า วันนี้ทุกคนควรหยุดใช้วาทะตีกินทางการเมือง อย่ามาเสียเวลาหาเสียงหาคะแนนให้พรรคตนเอง มันยังไม่ถึงเวลา แต่นักการเมืองทุกคนควรเสียสละเวลาอันมีค่า หันมาใส่ใจปัญหาความเดือดร้อน ความเป็นความตายของประชาชนอย่างจริงจัง เหมือนที่นายกฯและศบค. ตลอดจนทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคน ที่พยายามทำงานอย่างทุ่มเท ไม่ได้หยุดหย่อน ขวัญและกำลังใจคือสิ่งที่มีค่ามากในภาวะเช่นนี้ อย่าเพิ่งไล่นายกฯ อย่าเพิ่งเรียกร้องให้มีการยุบสภา และหยุดใช้วาจามาทำลายขวัญกำลังใจกันเสียที ทุกคนหันมาร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันช่วยกันแก้ไขปัญหา ให้ก้าวผ่านวิกฤติโควิดนี้ นำพาประเทศไทยชนะไปด้วยกันให้ได้ ทุกคนต้องหันมาจับมือกันเอาความสุขคืนกลับสู่คนไทยทุกคนโดยเร็วที่สุด นี่คือแนวทางที่นายกฯและรัฐบาล ขอความร่วมมือจากใจจริงและตนมั่นใจว่าเป็นความต้องการของคนไทยทุกคนในประเทศเรา