วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSเศรษฐา“ขาลอย”...เศรษฐกิจ“ขาลง”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เศรษฐา“ขาลอย”…เศรษฐกิจ“ขาลง”

ขณะที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี มีภารกิจไปเยือนฝรั่งเศสและอิตาลี มีข่าวใหญ่ที่ทำให้ต้องสะดุ้งโหยง 2 ข่าวที่ยึดโยงกันและมีผลกับตัว “นายกฯเศรษฐา” และ “รัฐบาล” โดยตรง แม้จะเป็นคนละประเด็น

ข่าวแรก ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของกลุ่ม 40 ส.ว.กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผลจากกรณีนี้จะทำให้การเมืองบ้านเรามีความเสี่ยงในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนโดยตรง (FDI) และนักลงทุนที่ลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เกิดความลังเล ไม่แน่ใจในเสถียรภาพรัฐบาล

แม้ศาลจะไม่ได้ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่มติดังกล่าวก็ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง ทำให้นักลงทุนต่างประเทศที่กำลังพิจารณาลงทุนโครงการต่างๆ คงหยุดชะลอดูสถานการณ์การเมืองให้มีความชัดเจนก่อน จนกว่าจะมีคำตัดสินของศาลออกมา

อันที่จริง ปัญหาทั้งหลายเกิดจาก “นายกฯเศรษฐา” ไม่ได้มีอำนาจในการบริหารจัดการรัฐบาลอย่างแท้จริง แม้แต่การตั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลเศรษฐา 1/2 ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ ก็ไม่ได้คนที่ต้องการ กรณี “พิชิต” รู้ทั้งรู้ว่ามีปัญหาคุณสมบัติ แต่เพราะเป็น “คนสนิท” ของ “ผู้มีบารมีนอกพรรค” ที่เป็น “ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง” อาการของนายกฯทุกวันนี้อยู่ในสภาพ “ขาลอย” ไม่มีอำนาจ ไม่มีพวกไม่มีฐานในพรรคเพื่อไทย

อีกข่าว ที่ “นายกฯเศรษฐา” น่าจะได้รับทราบข้อมูลนั่นคือ เศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้ ที่เป็นผลงานการบริหารงานของรัฐบาลนี้เต็มๆ ตัวเลขที่ออกมาไม่สู้ดีนัก

สภาพัฒน์ฯ ได้รายงานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจตัวเลข “จีดีพี.” ไตรมาสแรก ปี 2567ของไทย โตแค่ 1.5% เท่านั้น ต่ำกว่าไตรมาส 4/2566 ที่ขยายตัว 1.7% การขยายตัวมาจากการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชน ที่ขยายตัว 6.9% ขณะที่การใช้จ่ายของรัฐบาลลดลง 2.1% การลงทุนภาครัฐลดลง 27.7%

เมื่อตัวเลขจีดีพี.ไตรมาสแรกโตต่ำ ทำให้ต้องปรับลดจีดีพี.ปี 2567 ลงมาเหลือแค่ 2.5% ทั้งที่งบประมาณปี 2567 ก็ออกมาแล้ว มีเงินลงทุนเหลือเฟือ ประกอบกับไตรมาส 4 จะมีงบปี 2568 ออกมาอีก แต่จีดีพี.ไทยก็ยังไม่อาจฟื้นตัวโตเกินกว่า 3% ได้

หากดูไส้ในจะเห็นว่า การท่องเที่ยว เป็นบวกเกือบ 25% เนื้อนาบุญได้แผ่มาถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ที่พัก ที่ขยายตัวสูงถึง 11.8% การขนส่ง +9.4% การส่งออกติดลบ 2%

ภาคการผลิตของไทย ยังมีปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยภาคเกษตรผลผลิตลดลง 3.5% ของจีดีพี.จากปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนจากภาวะโลกร้อน ภาคอุตสาหกรรม ติดลบ3% ของจีดีพี. ส่วน ก่อสร้าง ติดลบ17.3% การก่อสร้างอาจเป็นผลจากการที่งบประมาณของทางราชการล่าช้า และยังไม่ฟื้นจากสถานการณ์โควิด

ภาคการท่องเที่ยวยังคงสวมบท “นางแบก” เศรษฐกิจไทย ขณะที่ “นายแบก” อย่างส่งออกยังคงไม่ฟื้น ส่วนหนึ่งเพราะสินค้าส่งออกของเรา ไม่ใช่สินค้าดาวรุ่งและเป็นสินค้าที่ตลาดไม่ต้องการ เป็นสินค้าที่คู่แข่งที่แรงงานถูกกว่าสามารถแข่งขันได้

กล่าวสำหรับ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำมีหลายปัจจัยด้วยกัน

ทั้งในเรื่องของหนี้ของภาคธุรกิจและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนจากในไตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 91.3% ต่อจีดีพี.หรือ 16.36 ล้านล้านบาท มีผลทำให้กำลังซื้อในประเทศลดลง

ภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่เคยเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยก็ถูกท้าทาย เมื่อผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่อง ไตรมาส 1 ปี 2567 หดตัวเฉลี่ย 3.65% และอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย 60.45% เท่านั้น

การผลิตที่ลดลงส่วนหนึ่ง เพราะตลาดส่งออกไม่ดี จะเห็นว่าส่งออกที่ดีกลายเป็นสินค้าเกษตรกรรมแต่ราคาไม่สู้ดีนัก สินค้าส่งออกที่ไม่ดี เป็นปัจจัยมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมถดถอย ตลาดส่งออกหลักทั้งสหภาพยุโรป (อียู), สหรัฐ, จีนและญี่ปุ่น ที่มีสัดส่วน รวมกว่า 40% ไม่ดีขึ้น

ส่วนตลาดอาเซียนเฉลี่ย 24% เป็นอีกตลาดใหญ่ของไทย ก็โดนสินค้าจีนเข้าไปแย่งตลาด ขณะที่ตลาดจีนนำเข้าจากไทยเฉพาะสินค้าเกษตรเท่านั้น

ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ก็ลดลงเพราะไทยมีประชากรเพียง 70 ล้านคน และเป็นสังคมสูงอายุ ทำให้ตลาดในประเทศมีขนาดไม่ใหญ่พอ กำลังซื้อไม่มากพอที่จะจูงใจนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน  ไม่เหมือนอินโดนีเซียหรือเวียดนามที่ประชากรเยอะ เศรษฐกิจเริ่มโต

ขณะที่ตัวเลขจีดีพี.ไตรมาสแรกปีนี้เพื่อนบ้านในอาเซียนปรากฏว่า เวียดนาม โต 5.7% ฟิลิปปินส์ โต 5.7%, อินโดนีเซีย โต 5.1%, มาเลเซีย โต 4.2%, สิงคโปร์ โต 2.7% และไทยโต 1.5% ซึ่งต่ำที่สุดในอาเซียนทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นผลงานของรัฐบาลเศรษฐาล้วนๆ

การเมืองยังไม่นิ่ง นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจในมืออย่างเต็มที่ การเมืองพายเรือในอ่าง เศรษฐกิจก็กำลังจมน้ำ

………………………….

คอลัมน์ : เศรษฐกิจข้างทาง

โดย “ทวี มีเงิน”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย :   บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img