วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“ชัยธวัช” ซัดรบ.จัดงบฯ68 "เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้" อัดมักง่าย สายตาสั้น มุ่งแก้วิกฤตตัวเอง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ชัยธวัช” ซัดรบ.จัดงบฯ68 “เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้” อัดมักง่าย สายตาสั้น มุ่งแก้วิกฤตตัวเอง

“ชัยธวัช” ซัดรบ.จัดงบฯ68 “เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้” เอาประเทศเป็นเดิมพัน ดันทุรังทำ “ดิจิทัลวอลเล็ต” อัดมักง่าย สายตาสั้น เน้นแก้วิกฤตตัวเอง ไม่ตอบโจทย์ปัญหาประเทศ สอนมวยพลิกฟื้นประเทศ ต้องเน้นลงทุน-ภาคการผลิต ชี้ ไทยเจอ 2 หลุมดำ สินค้าจีนราคาถูก-แพลตฟอร์มออนไลน์ดูดเงินออกนอกประเทศ

วันที่ 19 มิ.ย.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ โดยมีนายมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เป็นจำนวน 272,700 ล้านบาท วาระแรก

ต่อมาเวลา 10.59 น. นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวว่า ดูรายละเอียดงบประมาณปี 68 แล้วผิดหวัง ถึงขั้นหมดหวัง เพราะจัดสรรงบแทบเหมือนเดิม มีปัญหาแบบเดิม เพิ่มเติมคือดิจิตอลวอลเล็ต งบฯ68 เป็นการจัดสรรดูเหมือนมียุทธศาสตร์ แต่ไม่มียุทธศาสตร์ ลงรายละเอียดซ้ำซาก ซ้ำซ้อน เบี้ยหัวแตก มองไม่เห็นเป้าหมายทางนโยบายที่ชัดเจน เป็นการใช้งบประมาณไม่สนใจผลลัพธ์ในทางปฏิบัติ มีโครงการใหม่ 163โครงการ แล้วไม่ใช่โครงการใหม่จริงๆ แต่เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ วาระของรัฐบาลที่สะท้อนอย่างชัดเจนมีเรื่องเดียว คือความพยายามผลักดันในระดับดันทุรัง เพื่อให้โครงการดิจิตอลวอลเล็ต สำเร็จ ดันทุรังแบบเจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ สำหรับโครงการนี้ปรากฏในงบกลาง เป็นรายการตั้งใหม่ โดยใช้คำว่าค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ จำนวน 1.5หมื่นล้านบาท โดยรวมเสี่ยงระยะสั้น ระยะยาว ภาระจ่ายหนี้ของภาครัฐสูงขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต และชัดเจน สูญเสียพื้นที่ทางการคลัง หากต้องจ่ายฉุกเฉินหรือลงทุนขนาดใหญ่

“สาเหตุที่ผมบอกว่างบปี 68 เป็นการจัดสรรแบบเจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ เพราะรัฐบาลนี้ประสบปัญหาวิกฤติความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล แล้วพอบริหารประเทศก็สร้างความเชื่อมั่นพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศให้ดีขึ้นไม่ได้ ฉะนั้น จึงเหลือความหวังเดียว โดยเชื่อว่าผลักดันโครงการดิจิตอลได้สำเร็จ ความชอบธรรมก็จะฟื้นคืนกลับมา ในสภาวะข้าวยากหมากแพง ประชาชนมีความหวังได้รับเงินหมื่นมาประทังชีวิต เราก็ต้องเข้าใจความหวังและความจำเป็นของประชาชน แต่ปัญหาคือสถานการณ์ปัจจุบันเราไม่ต้องการรัฐบาลมุ่งแสวงหากความนิยมแบบมักง่าย สายตาสั้นแบบนี้ แต่เราต้องการรัฐบาลที่มีเจตจำนงในการผลักดันนโยบายที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ ไม่ใช่ผลักดันนโยบายที่ตอบโจทย์พรรคแกนนำรัฐบาล หากสุดท้ายโครงการดิจิตอลฯ ไม่ได้ตอบโจทย์ของประเทศจริงๆ การจัดสรรงบ68 จะเป็นการจัดสรรที่ไม่ได้เอาโจทย์ของประเทศเป็นตัวตั้ง แต่เป็นการเอาโจทย์ของพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นตัวตั้ง โดยรัฐบาลมุ่งมั่นแก้วิกฤตทางการเมืองของตัวเอง โดยเอาโอกาสและเอาอนาคตของประเทศเป็นเดิมพัน อย่างที่บอกว่าเจ๊งไม่ว่า แต่ต้องรักษาหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลให้ได้”หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าว

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า แนวคิดการกระตุ้นการบริโภคแบบอัดเม็ดเงินระยะสั้น อาจไม่ได้กระตุ้นกระบวนการผลิต การลงทุน และการจ้างงานอีกแล้ว เพราะเจอปัญหาช่องทางเงินออก เปรียบเหมือนหลุมดำ 2 หลุด ที่ดูดเม็ดเงินออกจากประเทศ คือ หลุมดำที่หนึ่ง สินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน เจอภาวะสินค้าล้นตลาด (Over Supply) ทะลักเข้าสู่ไทยเป็นประวัติการณ์ถึงราว 1.3 ล้านล้านบาท หลุมดำที่สอง คือ อีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่าคนไทยซื้อขายออนไลน์มากถึง 9.8 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนแบ่งการตลาดมาจากสินค้าราคาถูก ดังนั้นการอัดฉีดเงินเพื่อบริโภคโดยไม่สร้างเงื่อนไขหรือแรงจูงใจ เงินอัดฉีดยอมรัวไหลไปสู่สินค้านำเข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า ถ้าต้องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจริงๆ ต้องเน้นลงทุนไม่ใช่กระตุ้นบริโภค เน้นภาคการผลิต ไม่ใช่หวังเพิ่มนักท่องเที่ยว ปัญหาคือว่าคำแถลงนายกฯ พูดไว้เยอะ แต่ปัญหาคือเนื้อในที่มีความเดิมๆ ถ้ารัฐบาลนำโจทย์ประเทศเป็นตัวตั้งในการจัดสรรงบประมาณจริงๆ เราควรได้เห็นจัดสรรงบ อย่างเช่น ควรจัดสรรเพื่อเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง อุตสาหกรรมอีวี รัฐบาลไทยใช้เงินอุดหนุนด้านดีมาน เพื่อช่วยสนับสนุนคนไทยไปช่วยซื้อรถอีวีของจีน รวมเงินกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่เราแทบไม่เห็นในการจัดสรรงบแบบจริงจังในฝั่งซัพพลาย ทั้งการยกระดับการผลิต ทักษะแรงงาน ในงบ68 ไม่มีเลย ไม่ตอบโจทย์ใดๆ มีแต่หลักการ ตัวเลขลอยๆ หรู่ๆ

“การจัดสรรงบประมาณฉบับนี้สะท้อนให้เห็นว่าเนื่องจากความไม่ชอบธรรมทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้โจทย์ของรัฐบาลในวันนี้ เป็นคนละโจทย์ของประเทศ การจัดสรรแบบนี้เป็นการจัดแบบมักง่ายที่สุด สุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะกำลังนำทรัพยากรของประเทศมุ่งแก้วิกฤติการเมืองของตัว มีปัญหาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโครงการดิจิตอลวอลเล็ต วิสัยทัศน์ Ignite Thailand จึงกลายเป็น Ignore Thailand เจ๊งไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้ ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ ตนจึงไม่สามารถเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.งบฯปี68 ฉบับนี้ได้”นายชัยธวัช กล่าว

ทั้งนี้ ช่วงท้ายของการอภิปราย นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงขอให้นายชัยธวัชถอนคำพูดที่ว่าประเทศเจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ เนื่องจากผิดข้อบังคับการประชุมเป็นการไม่สุภาพ เสียดสี ใส่ร้าย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img