วันเสาร์, กันยายน 28, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS‘ต่อ’คัมแบ็กผบ.ตร.-‘โจ๊ก’ยากชิง‘พิทักษ์1’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ต่อ’คัมแบ็กผบ.ตร.-‘โจ๊ก’ยากชิง‘พิทักษ์1’

แม้ “วิษณุ เครืองาม” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย จะระบุเมื่อ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างการแถลงข่าวสรุปผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่มี “ฉัตรชัย พรหมเลิศ” อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ที่มีการสอบปัญหา “ศึก 2 บิ๊กสีกากี” ระหว่าง“บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. และ “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร.

โดย “วิษณุ” ระบุหลังถูกสื่อซักว่า หากกระบวนการสอบสวน “บิ๊กโจ๊ก” เสร็จสิ้นแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังไม่หลุดออกจากตำแหน่ง ยังมีโอกาสลุ้นตำแหน่ง “ผบ.ตร.” หรือไม่ว่า “มีครับ ใครก็มีโอกาสขึ้นมาทั้งนั้น ที่เป็นรอง ผบ.ตร.หรือเทียบเท่า”

วิษณุ เครืองาม

แต่คำถามก็คือ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานก.ตร. ที่จะต้องเป็น คนเสนอชื่อว่าที่ผบ.ตร.คนใหม่ ให้ที่ประชุม ก.ตร.เห็นชอบ “เศรษฐา” จะกล้าเสนอชื่อ “บิ๊กโจ๊ก” ให้ก.ตร.เห็นชอบหรือ?

กับการที่ “บิ๊กโจ๊ก” มีประวัติถูกศาลอาญาออกหมายจับเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา หลังตกเป็นผู้ต้องหา ร่วมกระทำผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ BNKMASTER ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”

เว้นเสียแต่คดีดังกล่าว หากอัยการมีความเห็น “สั่งไม่ฟ้อง” ในช่วงก่อนมีการเลือกผบ.ตร.คนใหม่ในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” อาจมีสิทธิ์ลุ้นเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” ได้

ซึ่งถึงตอนนี้ คดีดังกล่าวก็ยังมีปัญหาในข้อกฎหมายกันอยู่ เพราะหลังคณะกรรมการป.ป.ช. เอาสำนวนดังกล่าวมาพิจารณา ขณะที่ตำรวจก็อ้างข้อกฎหมายว่า คดีดังกล่าว ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจในการพิจารณา เพราะเป็นคดีฟอกเงิน จนมีการงัดกันมาตลอด

และเมื่อ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีหนังสือที่ลงนามโดย พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. ถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง ขอรับสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของ สน.เตาปูน ซึ่งมีเนื้อหาในส่วนของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน

โดยสรุปว่า กฎหมายการฟอกเงินไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญา        แต่ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายต่อไปได้ เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว กลับมายังพนักงานสอบสวน จึงทำให้คดีดังกล่าว ก็ยังไม่คืบหน้าในส่วนของตำรวจ เพราะยังมีปัญหาข้อกฎหมายกันอยู่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

เพราะฝ่ายป.ป.ช.ก็ตั้งป้อมไม่ยอม ทาง “พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ” ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ย้ำไว้เมื่อต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.ที่ดำเนินการไปตามกฎหมายที่จะพิจารณาเรื่องนี้และเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน รวมทั้งคดีสน.เตาปูนด้วย จึงรับเรื่องทั้งหมดกลับมาทำถือว่าอำนาจหน้าที่ของตำรวจสิ้นสุดลง จึงมีมติให้ตำรวจส่งเรื่องคืน โดยเตือนไป 2 ครั้งแล้ว

ขณะเดียวกันในส่วนของการสอบสวน “บิ๊กโจ๊ก” กับลูกน้อง ที่โดนเอาผิดคดีดังกล่าว ที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมี “พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะเกษียณปีนี้ เป็นประธานกรรมการ ถึงขณะนี้การสอบสวนดังกล่าวก็ยังไม่คืบหน้า ยังไม่มีข่าวออกมาว่าจะสรุปผลได้เมื่อใด

เช่นเดียวกับ การพิจารณาของ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ที่พิจารณาเรื่องกรณี “บิ๊กโจ๊ก” หลังเจ้าตัวยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ถึงตอนนี้กระบวนการพิจารณาก็ยังไม่แล้วเสร็จ

อย่างไรก็ตาม ความเห็นและมติของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่เป็นเหมือน ศาลปกครองชั้นต้นของข้าราชการตำรวจ ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ซึ่ง หาก “ก.พ.ค.ตร.” มีมติว่า คำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการก่อนหน้านี้ เป็นคำสั่งโดยมิชอบฯ ก็จะทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” มีความชอบธรรม ที่อาจจะกลับมาเป็นผู้ท้าชิง “ผบ.ตร.คนใหม่” ได้

แต่อย่างที่เห็นกัน หาก “บิ๊กโจ๊ก” มีชนักติดหลังในเรื่องคดีความอยู่ โดยเฉพาะการที่ถูกป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวนฯ ซึ่งดูแล้ว คงใช้เวลานานแน่นอน ยังไงก็เกินเดือนก.ย.ปีนี้แน่

จุดนี้ น่าจะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ “เศรษฐา” คงไม่เสนอชื่อ “บิ๊กโจ๊ก” เป็นผบ.ตร.คนใหม่ และถึงต่อให้เสนอชื่อให้ก.ตร.พิจารณา ก็คาดว่า ก.ตร.หลายคน ก็อาจไม่สนับสนุนให้ “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นเป็นผบ.ตร. ในขณะที่ยังไม่พ้นมลทินทั้งหมด เพราะสังคมคงตั้งคำถามถึงความสง่างามของ “บิ๊กโจ๊ก” ในการจะเป็นผบ.ตร. โดยที่ตัวเองยังมีปัญหาคดีความ

ดังนั้นประเมินแล้ว ถึงตอนนี้โอกาสที่ “บิ๊กโจ๊ก” จะกลับมาเป็นแคนดิเดตชิงผบ.ตร. น่าจะยาก และคงโดนแรงต้านมากมาย และขั้วอำนาจของ “บิ๊กต่อ” ในก.ตร.และสตช. ก็คงขวางทุกทาง

ที่สำคัญ “เศรษฐา” ในฐานะผู้เสนอชื่อ ต่อที่ประชุม ก.ตร. ก็น่าจะมีตัวเลือกที่ดีกว่า “บิ๊กโจ๊ก” แน่นอน

สำหรับ “บิ๊กสีกากี” ที่มีสิทธิ์ลุ้นชิง “ผบ.ตร.” หรือเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” ในปีนี้ ประกอบด้วย “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” นรต.รุ่น 47 อาวุโสอันดับ 1 เกษียณอายุราชการปี 2574, “บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” อดีตรักษาการผบ.ตร.เกษียณปี 2569, พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ นรต.39 เกษียณปี 2568 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. นรต.42 เกษียณปี 2569

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข

ส่วน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร. รักษาการรอง ผบ.ตร. ที่จะเกษียณในปีหน้า 2568 ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า ฝ่ายการเมืองในพรรคเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร อาจดันให้ขึ้นเป็นผบ.ตร.ในฐานะคนเหนือด้วยกัน แต่ต้องดันให้ชื่อของพล.ต.ท.ประจวบ เข้าไลน์แคนดิเดตเสียก่อน แต่มาถึงตอนนี้ แวดวงตำรวจมองว่า น่าจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะถึงตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่เกินสามเดือนเท่านั้น ก็จะต้องตั้งผบ.ตร.คนใหม่แล้ว

ขณะที่ “บิ๊กต่อ” ก็ถือว่า ได้จบเส้นทางชีวิตข้าราชการตำรวจในเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ก่อนเกษียณ หลัง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ในฐานกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เซ็นคำสั่งให้ “บิ๊กต่อ” กลับไปทำหน้าที่ “ผบ.ตร.” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ “บิ๊กต่อ” ได้กลับไปนั่งเก้าอี้ผบ.ตร.ก่อนเกษียณ 30 ก.ย.ปีนี้

……………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย..“พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img