วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“SAF”เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน จาก“คาร์บอนไดออกไซด์”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“SAF”เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน จาก“คาร์บอนไดออกไซด์”

Turning CO2 Into SAF Via Industrial Photosynthesis

“….เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF คือสารทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ที่สะอาดกว่า แทนที่จะกลั่นจากปิโตรเลียม Petroleum ..”

Sustainable Aviation Fuel : SAF ผลิตขึ้นจากทรัพยากรที่ยั่งยืน Sustainable Resources เช่น น้ำมันเสียปนเปื้อนเหลือทิ้ง Waste Oils จากแหล่งกำเนิดทางชีวภาพ สารตกค้างที่เป็นขยะทางการเกษตร Agri Residues หรือกลุ่มสารเชื้อเพลิงเหลว เชื้อเพลิงสังเคราะห์ Synthetic Fuel ที่ไม่ใช่ฟอสซิล non-Fossil ด้วยเทคโนโลยีพลังสู่เชื้อเพลิงเหลว Power to Liquids : PtL Technology คาร์บอนต่ำจากแนวคิดคาร์บอนเป็นกลาง Carbon Neutrality และ SAF จากดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 มาใช้เป็นวัตถุดิบโดยตรง เป็นต้น .. เมื่อใช้พวกมันจุดระเบิดในเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน หรือเครื่องยนต์ไอพ่นของอากาศยานแล้ว พวกมันสามารถลดการปล่อยมลพิษสู่บรรยากาศได้มากถึง 80% เทียบกับเชื้อเพลิง Kerosene รูปแบบดั้งเดิม ..

Production of Synthetic Renewable Aviation Fuel : SAF from CO2 and H2 | Credit : TAKE-OFF EU / CORDIS-EU Research

เครื่องยนต์สันดาปภายใน Internal Combustion Engines : ICEs คือ กระดูกสันหลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมของมนุษยชาติในยุคอุตสาหกรรมมาโดยตลอด และมันจะยังคงอยู่ต่อไป ไม่ได้หายไปจากระบบขนส่ง หรือระบบสาธารณูปโภคปัจจุบันแต่อย่างไร .. เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF ซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงชีวภาพ Bio-Fuel และเชื้อเพลิงสังเคราะห์ Synthetic Fuel & Gas กำลังดึงดูดความสนใจนักลงทุนทั้งรายใหญ่ และรายย่อยให้เพิ่มขึ้นอย่างมาก .. ทั้งนี้ เพื่อทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่เครื่องบินไอพ่น เรือ ไปจนถึงรถยนต์นั้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องคิดใหม่ ปรับแต่ง หรือเปลี่ยนเครื่องยนต์ไปจากรูปแบบเดิมๆ มากนัก เนื่องเพราะพวกมันสามารถจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์เหล่านี้ได้ด้วยการปรับจูนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ..

ตัวอย่างบริษัทสตาร์ทอัพ Twelve ในสหรัฐฯ ถือเป็นการบุกเบิกพื้นที่ใหม่ในอุตสาหกรรมการบิน Aviation Industry ที่น่าตื่นเต้น โดยพวกเขามีแผนงานจะปฏิวัติการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF Production ในสหรัฐฯ ด้วยโรงงานเชิงพาณิชย์ในรัฐวอชิงตัน ซึ่งอ้างว่าจะเป็นแห่งแรกของประเทศที่ผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF จากคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 โดยตรง ..

บริษัท Twelve เริ่มผลิตเชื้อเพลิงเครื่องบิน Jet Fuel ในห้องทดลองที่เบิร์กลีย์ Berkeley, แคลิฟอร์เนีย California ในปี 2564 โดยใช้ไฟฟ้า Electricity, น้ำ Water และคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 .. บริษัทฯ เรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่า E-Jet ซึ่งสามารถทดแทนเชื้อเพลิงจากฟอสซิล Replacement for Fossil-Based Fuels ได้ และจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของสายการบินได้อย่างมาก Significantly Reduce Airlines’ Carbon Emissions ..

ปัจจุบัน บริษัทสตาร์ทอัพในแคลิฟอร์เนีย California-Based Startup กำลังขยายกำลังผลิตเชื้อเพลิงที่สะอาดยิ่งขึ้นนี้ไปยังโรงงานเชิงพาณิชย์ที่เมือง Moses Lake รัฐวอชิงตัน ซึ่งหากการดำเนินงานเริ่มขึ้นได้ภายในปี 2567 นี้ ก็จะทำให้โรงงานแห่งนี้กลายเป็นแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่แปลง CO2 เป็นเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF ..

บริษัทใหญ่ๆ เช่น Alaska Airlines, Microsoft และ Shopify เพิ่งลงนามข้อตกลงเพื่อจัดซื้อเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF มูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ จากโรงงานแห่งใหม่ของบริษัท Twelve แล้ว ..

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ภาคการบิน Aviation Sector มีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 2% ทั่วโลก และเติบโตเร็วกว่ารูปแบบการขนส่งอื่นๆ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อมีผู้คน และเครื่องบินทำการบินมากขึ้น ..

ในปี 2565 สายการบินรายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เผาเชื้อเพลิงเครื่องบินไปแล้วกว่า 17 พันล้านแกลลอน ซึ่งการบริโภคในภาคการบินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่า 0.1% หรือเพียงเกือบ 16 ล้านแกลลอน คือการบริโภคเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF ..

ดังนั้นการลดมลพิษในภาคส่วนนี้ให้มากขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่การแทนที่น้ำมันก๊าดที่ทำให้โลกร้อน Planet-Warming Kerosene ด้วย SAF นั้น ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญยิ่งในอนาคตจากนี้ไป ..

บริษัทเชื้อเพลิง และสตาร์ทอัพระดับโลก Global Fuel Companies & Startups กำลังค้นหาวิธีแก้ปัญหาเพื่อให้สามารถทดแทนน้ำมันก๊าดจากฟอสซิล Replace Fossil-Based Kerosene ให้ได้อย่างสมบูรณ์ และพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยการผลักดันกฎหมายออกมาหลายฉบับ ..

กฎหมายสภาพภูมิอากาศ Climate Law เสนอเครดิตภาษีให้กับผู้ผลิตเชื้อเพลิงทางเลือกที่สะอาด เช่น SAF ด้วยเงินช่วยเหลือ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเป้าหมายคือ การเพิ่มอุปทานเชื้อเพลิงเหล่านี้ให้เป็น 3 พันล้านแกลลอนต่อปี ภายในปี 2573 เป็นต้น ..

บริษัท Twelve มีเป้าหมายที่จะผลิต E – Jet ให้ได้ 40,000 แกลลอนต่อปี ก่อนที่จะขยายขนาดการผลิตให้มากถึง 10 เท่าภายใน 5 ปีแรกของการดำเนินงาน .. นาย Ram Ramprasad ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว พวกเขายังวางแผนที่จะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใหญ่กว่ามาก ..

บริษัทฯ ชี้ว่า เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเครื่องบินได้มากถึง 90% เมื่อเทียบกับน้ำมันก๊าดจากฟอสซิล Fossil-Based Kerosene แม้ว่าการใช้ E-Jet ยังคงปล่อยก๊าซคาร์บอน แต่ก็น้อยกว่าเชื้อเพลิงจากปิโตรเลียม Petroleum-Based Fuels เป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะ เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF ของพวกเขามาจากการรีไซเคิลคาร์บอนไดออกไซด์ Recycles CO2 จากของเสียจากโรงกลั่น และโรงงาน Wastes of Refineries & Mills หรือการดักจับโดยตรงจากอากาศ Captured Directly from the Air ..

โรงงานแห่งใหม่ของบริษัท Twelve ในสหรัฐฯนี้ คือตัวอย่างการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ให้เป็นเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ยั่งยืน Sustainable Jet Fuel ..

บริษัทสตาร์ทอัพ Twelve บุกเบิกโรงงานเชิงพาณิชย์ Commercial-Scale Facility แห่งหนึ่งในรัฐวอชิงตัน Washington State ซึ่งระบุว่าจะเป็นแห่งแรกในประเทศที่ผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF จากคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 โดยตรง ..

New SAF Facility Coming to Washington | Credit : Twelve Corporation

เกือบ 2 ปีที่แล้ว บริษัทสตาร์ทอัพ Twelve ได้สร้างเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นที่ปล่อยมลพิษต่ำชุดแรก First Batch of Lower-Emissions Jet Fuel ในห้องทดลองในเมืองเบิร์กลีย์ Berkeley รัฐแคลิฟอร์เนีย California .. บริษัทตั้งใจที่จะผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่สามารถทดแทนน้ำมันก๊าดจากฟอสซิลได้ Fossil-Based Kerosene และใช้ไฟฟ้า น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ Electricity, Water & Carbon Dioxide : CO2 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มากเกินไปจากเครื่องบินที่บินได้อย่างยอดเยี่ยม ..

ขณะนี้ Twelve กำลังเร่งผลิตเชื้อเพลิง “E-Jet” ในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างมาก เมื่อเดือนที่ผ่านมา .. บริษัทสตาร์ทอัพอายุ 8 ปีรายนี้ เริ่มต้นสร้างโรงงานเชิงพาณิชย์ในเมืองโมเสสเลค Moses Lake, รัฐวอชิงตัน Washington บนพื้นที่ของอดีตโรงงานน้ำตาล เมื่อเริ่มดำเนินการภายในกลางปี ​​2567 โรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่ผลิตเชื้อเพลิงเครื่องบินทางเลือก Alternative Jet Fuel จากคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 และกำลังไฟฟ้าจากโครงข่ายระบบสายส่ง Grid Power ..

Ram Ramprasad ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการค้าของบริษัทฯ ยืนยันว่า จากการที่ Alaska Airlines, Microsoft และ Shopify ได้ตกลงที่จะจัดซื้อ E-Jet มูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ จากโรงงานแห่งใหม่ ทำให้บริษัท Twelve คาดว่าจะผลิตเชื้อเพลิง และจัดส่งเชื้อเพลิง E-Jet ได้ประมาณอย่างน้อย 40,000 แกลลอนต่อปีก่อนที่จะขยายกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งอาจจะมีปริมาณมากถึง 10 เท่า ภายในปีแรกของการดำเนินงาน ..

“นี่เป็นเพียงก้าวแรกของพวกเรา This is Just Our First Step” เขากล่าวเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกนี้เพิ่มเติมด้วยว่า “ส่วนหนึ่งของแผนงานการขยายขนาดของเรา คือการทำกระบวนการเหล่านี้อย่างรวดเร็ว และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใหญ่กว่าขึ้นอีกในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ” ..

บริษัทสตาร์ทอัพ Twelve อ้างว่า เชื้อเพลิงทดแทนสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดอายุการใช้งานได้มากถึง 90% เมื่อเทียบกับน้ำมันก๊าดจากปิโตรเลียม Petroleum-Based Kerosene .. การเผาไหม้ E-Jet ในเครื่องยนต์จะยังคงปล่อย CO2 ออกมา แต่เป้าหมาย ก็คือ ​การรีไซเคิล Recycling CO2 จากแหล่งขยะของโรงกลั่นเอทานอล Ethanol Refineries, โรงงานเยื่อกระดาษ และกระดาษ Pulp & Paper Mills หรือจากท้องฟ้าโดยตรง Directly from the Sky ทำให้บริษัทฯ ของพวกเขา สามารถกักเก็บก๊าซที่ทำให้โลกร้อน Planet-Warming Gas ไม่ให้เข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้มากขึ้น ..

ปัจจุบัน สายการบินต่าง ๆ อยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการลดคาร์บอนของเครื่องบินพาณิชย์ Decarbonizing Commercial Aircrafts นับหมื่น ๆ ลำที่บรรทุกผู้โดยสาร และสินค้าทั่วโลก ..

การเปลี่ยนฟอสซิลน้ำมันก๊าด Replacing Fossil Kerosene ซึ่งรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากในการบินถือเป็นงานที่ยากเป็นพิเศษ ..

บริษัทต่างๆ กำลังก้าวหน้าในการพัฒนาเครื่องบินที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ และเครื่องบินไอพ่นที่ใช้พลังงาน กำลังทดสอบเครื่องบินขนาด 40 ที่นั่ง Flight Testing a 40-Seat Planes แต่คาดว่า ทั้งแบตเตอรี่ และไฮโดรเจน Batteries & Hydrogen : H2 จะให้บริการเที่ยวบินในระดับภูมิภาค Regional Flights เป็นหลัก นั่นเป็นเพราะว่า ไม่มีสารละลายใดที่บรรจุพลังงานโดยปริมาตรได้เกือบเท่าน้ำมันก๊าด Kerosene ทำให้การเดินทางในระยะทางไกล หรือการบรรทุกของหนัก กระทำได้ยากขึ้น ..

ในท้ายที่สุดแล้ว ยังคงมีอุตสาหกรรมการบินในส่วนนี้ทั้งหมดที่ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงเหลว Liquid Fuels และยังคงพึ่งพาน้ำมันก๊าด Kerosene ต่อไป .. เอียน เฮย์ตัน Ian Hayton หัวหน้านักวิเคราะห์ของ Cleantech Group ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย และที่ปรึกษาชี้ว่า การจะผลิตน้ำมันก๊าดด้วยวิธีที่แตกต่างออกไปได้อย่างไร เพื่อให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง Less Greenhouse Gas Emissions คือ หนึ่งในประเด็นทางเลือกสำคัญมาพร้อมด้วยนั่นเอง ..

บริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Twelve และกลุ่มบริษัทเชื้อเพลิงระดับโลกกำลังแข่งขันกันเพื่อผลิต “เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF” ซึ่งสามารถผสมกับน้ำมันก๊าดฟอสซิล Blended with Fossil Kerosene ในเครื่องยนต์ไอพ่นที่มีอยู่ และในที่สุดก็อาจกลายเป็นสิ่งทดแทนสำหรับเครื่องยนต์ไอพ่นที่มีอยู่โดยสิ้นเชิงได้ในที่สุด แต่หนทางยังอาจต้องใช้เวลาอีกยาวไกล ..​ เมื่อปีที่ผ่านมา สายการบินรายใหญ่ของสหรัฐฯ ใช้เชื้อเพลิงเครื่องบินประมาณ 17.5 พันล้านแกลลอน ซึ่งน้อยกว่า 0.1% ของทั้งหมด หรือเพียง 25.8 ล้านแกลลอนเท่านั้นที่เรียกว่า Sustainable Aviation Fuel : SAF ..

ฝ่ายบริหารของรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการเพิ่มอุปทานเล็กน้อยให้ใช้ Sustainable Aviation Fuel : SAF เป็นอย่างน้อย 3 พันล้านแกลลอนต่อปีให้ได้ ภายในปี 2573 .. ความพยายามดังกล่าวได้รับเงินทุนจำนวนมากภายใต้พระราชบัญญัติการลดเงินเฟ้อ Inflation Reduction Act และ พรบ.อีกหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง โดยให้เครดิตภาษี Tax Credits แก่ผู้ผลิตเชื้อเพลิงทางเลือก Producers of Alternative Fuels และทุนสนับสนุนการวิจัย และพัฒนา เกือบ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งอย่างน้อยการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐอย่างจริงจัง ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วในสหรัฐฯ ..

เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน และแหล่งพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน สามารถทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลของอากาศยานได้เป็นอย่างดี ..

Sustainable Aviation Fuel : SAF อาจเข้าใจได้ดีที่สุดว่า เป็นคำศัพท์รวมสำหรับเชื้อเพลิงรูปแบบหลากหลายประเภท .. พวกมันคือ วัตถุดิบ และสิ่งที่รวมอยู่ในส่วนผสมเพื่อผลิต SAF เช่นเดียวกับกระบวนการที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดเกณฑ์ว่า พวกมันจะเป็นเชื้อเพลิงยั่งยืน Sustainable Fuel ได้อย่างไร ..

Fuelling Sustainability | Credit : ADS Group

รูปแบบที่มีใช้งานอยู่ส่วนใหญ่ของ SAF อาจถูกเรียกว่า เชื้อเพลิงชีวภาพ Biofuels or Biojets ซึ่งตามชื่อแล้วหมายถึง เชื้อเพลิงที่ผลิตจากทรัพยากรชีวภาพ และวัสดุจากพืชหรือสัตว์ แต่ยังหมายรวมถึงน้ำมันสำหรับประกอบอาหารที่ใช้แล้ว และของเสียจากเทศบาล ชุมชน ขยะของเหลือทิ้งจากภาคเกษตรกรรม และในครัวเรือน .. นอกจากนี้ยังสามารถผลิต Sustainable Aviation Fuel : SAF ด้วยการสร้างเชื้อเพลิงสังเคราะห์ Synthetic Fuels จากไฮโดรเจน Hydrogen : H2 และคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 โดยตรง ซึ่งมักถูกเรียกว่า น้ำมันก๊าดไฟฟ้า e-Kerosene, พลังงานสู่ของเหลว Power-to-Liquid และเชื้อเพลิงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ e-Fuels หรือ E-Jet ..

ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของเชื้อเพลิงสังเคราะห์เหล่านี้ ทำให้องค์กรพัฒนาเอกชน Non-Governmental Organization : NGOs บางแห่ง เช่น กลุ่มรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม และการขนส่งที่สะอาด Transport and Environment ใช้คำว่า SAF เพื่ออ้างถึง “เชื้อเพลิงยั่งยืนประยุกต์ Sustainable Advanced Fuels” ไปพร้อมด้วย .. สิ่งเหล่านี้เหมือนกับเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF แต่ไม่ได้มีความหมายว่า เชื้อเพลิงนั้นจะต้องใช้เฉพาะสำหรับการบินเท่านั้น ..

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไป เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF หมายถึงเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานที่ผลิตขึ้นจากแหล่งพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืน Sustainable & Renewable Sources ซึ่งสามารถใช้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลของอากาศยาน เช่น Jet-A1 เป็นต้นได้เป็นอย่างดี ..

คุณสมบัติของพวกมัน ขึ้นอยู่กับวิธีการผลิต .. ในการใช้คำว่า “ยั่งยืน” อย่างถูกต้อง เชื้อเพลิงต้องเป็นไปตามเกณฑ์กำหนด เช่น การลดการปล่อยคาร์บอนตลอดอายุการใช้งาน ความต้องการใช้น้ำจืดต่ำ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำเสียในกระบวนผลิต หรือไม่มีประเด็นความขัดแย้งการจัดสรรทรัพยากรในภาคเกษตรกรรม เนื่องจากการมุ่งผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพรุ่นแรกๆ ได้พบปัญหา เช่น การแย่งชิงพื้นที่การเกษตรสำหรับผลิตอาหาร และรวมถึงการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกพืชน้ำมัน เป็นต้น ..

กระบวนการบางอย่างที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์อย่างชัดเจน เช่น การใช้ประโยชน์จากขยะของเสียในครัวเรือน Household Waste หรือน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเหลือทิ้ง Used Cooking Oil .. แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรับรองว่า วัตถุดิบที่ใช้ คือน้ำมันเสียเหลือทิ้งจริง .. การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำมันที่ใช้แล้วทิ้งสำหรับการผลิต SAF ในสหภาพยุโรปนำเข้ามาจากต่างประเทศ .. จีนจัดหามากกว่าหนึ่งในสาม หรือประมาณ 34% ในขณะที่เกือบหนึ่งในห้า หรือประมาณ 19% ของน้ำมันเสียที่อ้างถึงมาจากผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของมาเลเซีย และอินโดนีเซียรวมกัน ..

การพึ่งพาการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นหมายความว่า ราคาน้ำมันที่ใช้แล้วในการปรุงอาหารบางครั้งอาจสูงขึ้นมากกว่าน้ำมันบริสุทธิ์จากพืชน้ำมัน เช่น น้ำมันปาล์ม ซึ่งอาจส่งผลให้น้ำมันบริสุทธิ์ถูกจัดประเภทใหม่เป็นของเสียเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงาน จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อทำไร่ขนาดใหญ่ขึ้นได้ .. ดังนั้นการกำกับดูแลภาครัฐของแต่ละประเทศในกรอบนโยบายทางเศรษฐกิจ และพลังงานที่รอบคอบจากนี้ไป จึงกลายเป็นประเด็นสำคัญ และละเอียดอ่อนกว่าที่เคยซึ่งภาครัฐไม่อาจละเลยได้ ..

บริษัท Neste ซึ่งมีฐานอยู่ในฟินแลนด์ ปัจจุบันเป็นผู้จัดหา SAF รายใหญ่ที่สุดของโลก และรวมอยู่ในกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบจากการกลั่นน้ำมันปาล์ม Palm Fatty Acid Distillate : PFAD .. ทั้งนี้ PFAD เป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ .. อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพนอกเหนือจากการสร้างแรงจูงใจโดยตรงสำหรับการเพาะปลูกพืชไร่เพื่อให้ได้น้ำมันปาล์มมากขึ้น ยังทำให้เกิดช่องว่างในอุตสาหกรรมอื่นๆ เนื่องจากพวกเขาก็ต้องการวัตถุดิบ เช่น น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ด้วยเช่นกัน .. ดังนั้นพวกมันอาจสร้างปัญหาความขัดแย้งการจัดสรรทรัพยากรรุนแรงในอนาคตขึ้นได้ ..

Neste ปกป้องการใช้ PFAD โดยกล่าวว่า พวกมันเป็นเพียงหนึ่งในวัตถุดิบหลายอย่างที่ใช้ “สัดส่วนของวัตถุดิบแต่ละอย่างในการกลั่นของ Neste จะแตกต่างกันไปในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับความพร้อมจำหน่าย ราคา และข้อกำหนดของตลาดเฉพาะ เป็นต้น” ..

โดยให้เหตุผลว่าสิ่งนี้ให้ความอ่อนตัวยืดหยุ่น และช่วยให้ “ผู้ประกอบธุรกิจ SAF สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาด และลูกค้าที่แตกต่างกัน .. การค้นหาการกระจายพอร์ตโฟลิโอด้วยวัตถุดิบใหม่อย่างต่อเนื่อง การแทนที่น้ำมันฟอสซิลด้วยวัตถุดิบหมุนเวียน และการรีไซเคิล จะสามารถช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันดิบ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อต่อสู้กับวิกฤติสภาพอากาศ Climate Crisis เป็นอย่างดีได้จริง” ..

บริษัทอื่นๆ เช่น Velocys ใช้ขยะเทศบาล และเศษไม้ .. Lanzajet ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในฐานะบริษัทธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ Lanzatech ใช้เอทานอลซึ่งอาจมาจากข้าวโพดในสหรัฐฯ อ้อยในบราซิล และเศษไม้ในยุโรป .. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตลาด อย่างไรก็ตามโรงงานในเซาท์เวลส์ Plant in South Wales เสนอแผนงานที่จะให้ผลผลิตประมาณอย่างน้อย 100 ล้านลิตรต่อปี ..

ลักษณะทางเคมี และทางกายภาพของเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF เกือบจะเหมือนกับเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นทั่วไป Conventional Jet Fuel ทุกประการ ซึ่งหมายความว่า สามารถผสมกับเชื้อเพลิงสังเคราะห์ประเภทต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยในระดับสัดส่วนที่แตกต่างกัน รวมทั้งสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านอุปทานเดียวกัน และไม่จำเป็นต้องดัดแปลงอากาศยาน หรือเครื่องยนต์ใดๆ .. ทั้งนี้อาจมีการปรับจูนเครื่องยนต์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น .. ด้วยเหตุนี้ SAF จึงมักถูกเรียกว่า “Drop-in Fuel” นั่นคือ เชื้อเพลิงที่สามารถรวมเข้ากับระบบเติมเชื้อเพลิงที่มีอยู่แล้วของสนามบินได้อย่างสอดคล้องเป็นอัตโนมัติ ..

โดยปกติ เชื้อเพลิงอากาศยานทั้งหมดทุกประเภท รวมทั้ง SAF จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อใช้งานในเที่ยวบินพาณิชย์ Commercial Flights รวมทั้ง กระบวนผลิตเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินที่ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพทุกประเภท ก็จะต้องได้รับการตรวจสอบรับรอง ร่วมกับวิธีการอื่น ๆ อีกมากมายด้วยความเข้มงวดด้วยเช่นกันในกระบวนการอนุมัติ ..

อย่างไรก็ตาม มั่นใจได้ว่า ไม่มีประเด็นปัญหาด้านความปลอดภัยใดๆ .. ประเด็นปัญหาจริง ๆ ของการใช้ SAF นอกเหนือไปจากปัญหาความขัดแย้งการจัดสรรทรัพยากรนั้น เฮนริก แวร์บอร์น Henrik Wareborn ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Velocys กล่าวว่า “ตลาด Spot Market สำหรับ SAF เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 2,500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน นั่นคือ สิ่งที่สายการบินต้องจ่ายสูงมากสำหรับปริมาณน้อยที่มีอยู่ในปัจจุบัน .. ราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ใกล้เคียงกัน เช่น Jet-A1 คือ 500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งหมายความว่า SAF มีราคาสูงกว่า 5 หรือ 6 เท่า มันราคาแพงอย่างยิ่ง และหาซื้อได้ยากมาก” ..

ปริมาณผลิตต้องเพิ่มขึ้น และราคาต้องลดลงก่อนจะมีการนำ SAF ไปใช้อย่างแพร่หลาย .. IATA ชี้ว่า “อุปทานที่ไม่เพียงพอ และราคาที่สูงทำให้สายการบินจำกัดการบริโภคอยู่ที่เพียง 120 ล้านลิตรในปี 2564 ซึ่งมันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของ 350 พันล้านลิตรที่สายการบินควรจะต้องบริโภคเชื้อเพลิงในแต่ละปีตามปกติ” ..

ไม่มีวิธีแก้ปัญหาอื่นในการลดต้นทุน SAF ที่สูงในระยะยาว นอกจาก “การผลิต SAF ในปริมาณมากจากความต้องการสูงเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ราคาของพวกมันลดลงได้ แต่การที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ ภาครัฐจะต้องมีบทบาทในการกำหนดราคาคาร์บอน รวมทั้ง การวางระบบตลาด Carbon Credits ไม่ว่าจะผ่านระบบการซื้อขายการปล่อยมลพิษ หรือภาษีคาร์บอน มาพร้อมด้วย” .. นั่นหมายความว่า สายการบินจะต้องจ่ายสำหรับ SAF หรือจ่ายในราคาที่คล้ายกันสำหรับคาร์บอนที่พวกเขาจะปล่อยออกมาจากเที่ยวบินของพวกเขาจนถึงอัตราร้อยละ ดังนั้น หากอาณัติของ SAF อยู่ที่ 5% พวกเขาจะต้องจ่ายค่าปรับเทียบเท่ากับคาร์บอนที่ปล่อยออกมา 5% ของเที่ยวบินของพวกเขา .. สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาจัดหา SAF ได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการ และช่วยลดต้นทุนได้ .. นักรณรงค์ ชี้ให้เห็นว่า เชื้อเพลิงสำหรับการขนส่งอื่นๆ ทั้งหมด All Other Transport Fuels ถูกเก็บภาษี ยกเว้นน้ำมันก๊าด Kerosene .. ดังนั้นการยกเลิกข้อยกเว้นนี้ด้วย จะเพิ่มรายได้ และช่วยปิดช่องว่าง ในขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อการบริหารจัดการอุปสงค์บางส่วนให้เกิดความสมดุลมากขึ้นด้วย ..

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่ม ReFuelEU Aviation มีข้อเสนอที่จะแนะนำการใช้มาตรการภาษีดังกล่าวใน 27 ประเทศของสหภาพยุโรปด้วยระดับการเพิ่มขึ้นทีละน้อยในช่วง 10 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามจินตนาการได้ว่า สายการบินที่ไม่สนใจในเรื่องนี้มากนักก่อนหน้านี้ จะตื่นตัวมากขึ้นจากนี้ไป ..

Willie Walsh ผู้อำนวยการ IATA กล่าวว่า “การทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานมีราคาแพงขึ้นด้วยการเก็บภาษีถือเป็น ‘เป้าหมายของตัวมันเอง’ ในเรื่องความสามารถในการแข่งขันซึ่งแทบจะไม่ช่วยเร่งการเติบโตตลาดเชิงพาณิชย์ของ SAF เลย รวมทั้งอาจไม่สามารถทำให้ราคาของ SAF ลดลงเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจการบินได้ อย่างไรก็ตาม เหตุผลเดียวที่ตลาดจะเติบโต และราคาลดลงได้ มีเพียงความต้องการจริงที่เพิ่มสูงขึ้น และการผลิตในปริมาณมากเท่านั้น คือข้อไข” ..

IATA ชี้ว่า ภาษีจากอุตสาหกรรมที่สามารถรองรับการลงทุนลดการปล่อยมลพิษในภาคอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่งด้วยเทคโนโลยีพลังงานสะอาดเป็นเรื่องสำคัญ แต่การลดผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นของธุรกิจการบิน อาจทำให้มีเงินทุนน้อยลงในการลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีแหล่งพลังงานที่เป็นเชื้อเพลิงอากาศยานที่สะอาดกว่า เช่น เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fue l: SAF จากคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 โดยตรง เป็นต้น .. สรุปได้ว่า ความต้องการจริง และการผลิตปริมาณมากเท่านั้น จะทำให้ราคาของเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF เหล่านี้ลดลงในระดับที่เหมาะสมภายใน 3 ปีจากนี้ไปได้สำเร็จในที่สุด ..

คาดการณ์ตลาดเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนทั่วโลก Global Sustainable Aviation Fuel Market ..

อ้างถึงข้อมูลการตรวจสอบตลาดของ MarketsandMarkets™ พบว่า ขนาดธุรกิจในตลาดเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนทั่วโลก Global Sustainable Aviation Fuel Market คาดว่าจะเติบโตจาก 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2566 เป็น 16.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี Compound Annual Growth Rate : CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับการลงทุนในตลาดเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนทั่วโลก Global Sustainable Aviation Fuel Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุน อยู่ที่ค่า CAGR 47.7% ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ปี 2566-2573 ..

Global Sustainable Aviation Fuel : SAF Market | Credit : MarketandmarketsTM

ทั้งนี้ ปริมาณกำลังการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนทั่วโลก Global Production of Sustainable Aviation Fuel : SAF ได้ถูกกำหนดให้เพิ่มขึ้น 98% ตามแผนงาน เป็น 1.95 ล้านตัน ในปี 2567 ตามการคาดการณ์ของ S&P Global Commodity Insights โดยแม้ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่อัตราการเติบโตชะลอตัวลง 174% เมื่อเทียบกับอัตราเติบโตเป็นรายปีในปี 2566 .. อย่างไรก็ตาม หากมองไปข้างหน้าในช่วงสั้น ๆ ได้รับการคาดหมายไว้ว่า อัตราการขยายปริมาณการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนทั่วโลก Global Production of Sustainable Aviation Fuel : SAF จะเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ไปจนถึงปี 2568 ได้อยู่ที่ประมาณ 81% ..

อย่างไรก็ตาม ตลาดเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF Market กำลังเติบโตอย่างมาก โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญมากมาย .. ความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Growing Awareness of Climate Change และความจำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน Imperative to Reduce Carbon Emissions in the Aviation Industry ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาหลัก ส่งผลให้สายการบินต่างๆ หันมาใช้ Sustainable Aviation Fuel : SAF เป็นทางเลือกที่สะอาดกว่าเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นทั่วไป ..

การขยายตลาดยังได้รับแรงผลักดันจากความคิดริเริ่มด้านกฎระเบียบ และข้อบังคับจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ International Civil Aviation Organization : ICAO และรัฐบาลของชาติต่างๆ .. การเพิ่มการลงทุนในการวิจัย และพัฒนา โดยมุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF ควบคู่ไปกับความก้าวหน้าในเทคโนโลยีวัตถุดิบ Advancements in Feedstock Technologies มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อวิถีการก้าวขึ้นของภาคส่วนนี้ .. ความร่วมมือระหว่างสายการบิน Airlines, ผู้ผลิต Manufacturers และผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ Biofuel Producers มีบทบาทสำคัญในการขยายขนาดกำลังการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF และส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น More Sustainable Future สำหรับการเดินอากาศ ..

บริษัทเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel Companies ประกอบด้วยผู้เล่นหลักอย่าง Neste ประเทศฟินแลนด์, World Energy ไอร์แลนด์, Total Energies ของฝรั่งเศส, LanzaTech และ Fulcrum BioEnergy ในสหรัฐฯ, JGC Holdings Corporation ของญี่ปุ่น รวมทั้งบริษัทฯ อื่นๆ อีกมากมายทั่วโลก .. บริษัทผู้เล่นเหล่านี้ ได้ขยายธุรกิจของตนไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงอเมริกาเหนือ North America, ยุโรป Europe, เอเชียแปซิฟิก Asia Pacific, ตะวันออกกลาง Middle East, แอฟริกา Africa และในละตินอเมริกา Latin America ..

ทั้งนี้ International Air Transport Association : IATA ระบุไว้ในแถลงการณ์ว่า การผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF ในปี 2567 นี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากระดับ 1.5 ล้านตัน ในปี 2566 .. ซึ่งจะเท่ากับเพียง 0.53% ของความต้องการเชื้อเพลิงของการบิน และ 6% ของปริมาณความจุเชื้อเพลิงหมุนเวียน Renewable Fuel Capacity เนื่องจากส่วนแบ่งขนาดใหญ่ของกำลังการผลิตเชื้อเพลิงหมุนเวียนที่เข้ามาสู่ระบบเชื้อเพลิงอากาศยานนั้น ได้รับการจัดสรรไว้สำหรับเชื้อเพลิงหมุนเวียนอื่นๆ Other Renewable Fuels ไปพร้อมด้วย ..

นาย Willie Walsh ผู้อำนวยการทั่วไปของ IATA ชี้ว่า เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel: SAF ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตเชื้อเพลิงหมุนเวียนทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเป็น 6% ในปี 2567 จาก 3% ในปี 2566 นั้น ยังถือเป็นสัดส่วนน้อยเกินไปที่ทำให้พวกมันมีราคาสูง ในขณะที่ภาคการบิน Aviation Sector ต้องการกำลังการผลิตเชื้อเพลิงหมุนเวียน Renewable Fuel Production Capacity อยู่ที่ระหว่าง 25-30% ด้วย เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF หมายถึง เพื่อทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้นั้น จึงขึ้นอยู่กับกรอบนโยบายภาครัฐด้านการบินของรัฐบาลประเทศต่างๆ ในประชาคมโลกที่จะมุ่งมั่นจัดทำขึ้นอย่างสอดคล้องกัน ทั้งนี้เพื่อทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่เครื่องบินไอพ่น เรือ ไปจนถึงรถยนต์นั้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจากนี้ไป ..

สรุปส่งท้าย ..

เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF ไม่ได้จำกัดเพียงแค่วัตถุดิบ หรือเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง ตราบใดที่คุณสมบัติทางเคมีของ SAF ตรงตามข้อกำหนดทางเทคนิคด้านการบิน และเกณฑ์ความยั่งยืน หมายถึงด้วยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงอากาศยานในปัจจุบัน และจากนี้ไป การพิจารณาส่วนผสมที่เหมาะสมของวัตถุดิบกับเทคโนโลยี Power to Liquids : Plt คาร์บอนต่ำสำหรับอนาคตภาคการบินAviation Future นั้น มีความพร้อมมานานแล้ว และไม่มีปัญหาทางเทคนิคแต่อย่างไร ปัญหาของพวกมันจริงยังคงอยู่ที่ประเด็นเรื่องราคา ..

ภาคการเดินอากาศ Aviation Sector มีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 สู่บรรยากาศ อยู่ที่ 2-2.5% ทั่วโลก .. ดังนั้นการลดผลกระทบต่อสภาพอากาศ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการบรรเทาปัญหาวิกฤติสภาพอากาศ Climate Crisis ที่ไม่อาจละเลยได้อีกต่อไป ..

แม้ว่า ปัญหาวิกฤติสภาพอากาศ Climate Crisis จะมีความสำคัญ แต่ผู้คนส่วนใหญ่แทบไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนวัตกรรมใหญ่ที่สุดชิ้นหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในการลดการปล่อยมลพิษสำหรับภาคการบิน .. เชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuel : SAF เป็นคำที่ใช้เรียกรวมสำหรับการสร้างเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นจากแหล่งพลังงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ฟอสซิล .. พวกมันมีแหล่งที่มาเช่นเดียวกับน้ำมันพืชสำหรับประกอบอาหาร ไขมันพืช และสัตว์เหลือใช้ หรือจากขยะอินทรีย์ รวมถึงคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ผ่านการสังเคราะห์ด้วยแสงทางอุตสาหกรรม Industrial Photosynthesis .. เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF กลายเป็นแหล่งพลังงานยั่งยืนที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนในเที่ยวบินได้มากถึง 80-90% อย่างไม่น่าเชื่อ ..

A Conversion Technology Using CO2 to Produce High Quality Fuel for the Aviation Industry | Credit : Solar Impulse Foundation / IATA

เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF คือเชื้อเพลิงชีวภาพ Biofuel ที่ใช้ขับเคลื่อนอากาศยาน ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับเชื้อเพลิงเครื่องบินทั่วไป แต่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนน้อยกว่า Smaller Carbon Footprint ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ และเทคโนโลยี Feedstock & Technologies ที่ใช้ในการผลิต .. SAF สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดอายุการใช้งานได้อย่างมากเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ตทั่วไป Conventional Jet Fuel .. ยิ่งไปกว่านั้น เส้นทาง SAF Pathways ที่เกิดขึ้นใหม่บางเส้นทางล่าสุด เช่น กระบวนการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF จากการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 มาใช้เป็นวัตถุดิบโดยตรง เป็นต้นนั้น ยังมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นลบสุทธิ Net – Negative GHG Footprint อีกด้วย ..

อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF จะต้องเพิ่มขึ้นอีก และราคาต้องลดลงมากกว่านี้ ก่อนจะมีการนำ SAF ไปใช้อย่างแพร่หลายอย่างน้อยในอีก 3 ปีข้างหน้า .. องค์การขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ International Air Transport Association : IATA ชี้ว่า “อุปทานที่ไม่เพียงพอ และราคาที่สูงทำให้สายการบินจำกัดการบริโภค SAF อยู่ที่เพียง 120 ล้านลิตรในปี 2564 ซึ่งมันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของ 350 พันล้านลิตรที่สายการบินทั่วโลกควรจะต้องบริโภคเชื้อเพลิงการบิน Aviation Fuels ในแต่ละปีตามปกติ” ..

การใช้งาน Sustainable Aviation Fuel : SAF ปัจจุบันนั้น ไม่มีประเด็นปัญหาทางเทคนิค หรือปัญหาด้านความปลอดภัยใดๆ .. ประเด็นปัญหาจริงๆ ของการใช้ SAF นอกเหนือไปจากปัญหาความขัดแย้งการจัดสรรทรัพยากร ได้แก่ ประเด็นเรื่องของราคา ..

ปัจจุบัน องค์การขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ International Air Transport Association : IATA ประเมินไว้ว่า เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 65% ที่จำเป็นสำหรับการบิน เพื่อให้บรรลุการปล่อยก๊าซ CO2 เป็นศูนย์สุทธิ ภายในปี 2593 ซึ่งจะต้องเพิ่มการผลิตจำนวนมากเพื่อตอบสนองความต้องการ คาดหมายว่าจะมีการเร่งความเร็วสูงสุดในช่วงทศวรรษ 2030 เนื่องจากการสนับสนุนนโยบายในระดับโลก และส่งผลให้ SAF เริ่มแข่งขันกับน้ำมันก๊าดฟอสซิล Fossil Kerosene ได้ในอนาคต ..

Munich Airport Will Start Supplying Sustainable Fuel from June 2021 | Credit : Munich Airport

นโยบายภาครัฐของรัฐบาลแต่ละประเทศ มีบทบาทสำคัญยิ่งในการนำเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF ไปใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น .. ในการนี้ IATA สนับสนุนนโยบายที่มีความสอดคล้องกันในประชาคมโลก และอุตสาหกรรมต่างๆ ในขณะที่การใช้เทคโนโลยี และวัตถุดิบตั้งต้นนั้น ควรใช้สิ่งจูงใจเพื่อเร่งการปรับไปใช้พวกมัน เนื่องจาก เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาตลาด จึงสมควรใช้ข้อบังคับเฉพาะในกรณีที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการเพิ่มกำลังการผลิต และเสริมด้วยโปรแกรมสิ่งจูงใจที่อำนวยความสะดวกด้านนวัตกรรม การขยายขนาดกำลังผลิต และการลดต้นทุนต่อหน่วย Unit Cost Reduction มาพร้อมด้วย ..

ช่วงเวลาจากนี้ไปอาจเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF ซึ่งจะสามารถสร้างงานจำนวนมากในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงาน และจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐที่เหมาะสมถูกต้อง .. คาดหมายว่า เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF สามารถคิดเป็น 2% ของเชื้อเพลิงการบิน Aviation Fuels ทั้งหมด ภายในปี 2568 ซึ่งน่าจะเป็นจุดเปลี่ยน Turning Point ที่จะทำให้ต้นทุนของเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel : SAF สามารถแข่งขันกับเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ได้ในที่สุด ..

……………………………………….

คอลัมน์ : Energy Key

By โลกสีฟ้า ..

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

ขอบคุณเอกสารอ้างอิง :-

Turning CO2 Into SAF Via “Industrial Photosynthesis” | Carbon Credits :-

https://carboncredits.com/twelve-turning-co2-into-sustainable-aviation-fuel-via-industrial-photosynthesis

New Technology Enables Efficient Conversion of CO2 to Sustainable Aviation Fuel | Aviation Today :-

https://www.aviationtoday.com/2022/01/13/new-technology-enables-efficient-conversion-co2-sustainable-aviation-fuel

This New Factory Will Turn CO2 into Sustainable Jet Fuel | Canary Media :-

https://www.canarymedia.com/articles/air-travel/this-new-factory-will-turn-co2-into-sustainable-jet-fuel

Turning Carbon Dioxide into Sustainable Fuel: United and Oxy Low Carbon Ventures Announce Collaboration with Biotech Firm to Create New Fuel Sources | Cemvita :-

https://www.cemvita.com/news/turning-carbon-dioxide-into-sustainable-fuel-united-and-oxy-low-carbon-ventures-announce-collaboration-with-biotech-firm-to-create-new-fuel-sources

Honeywell Launches Technology to Convert CO2 to Sustainable Aviation Fuel | ESG Today :-

What is SAF? | IATA :-

https://www.iata.org/contentassets/d13875e9ed784f75bac90f000760e998/saf-what-is-saf.pdf

Sustainable Aviation Fuels (SAF) | ICAO :-

https://www.icao.int/environmental-protection/pages/SAF.aspx

DOE: U.S. Has the Resources to Replace All Jet – A With SAF :-

https://nbaa.org/aircraft-operations/environment/doe-u-s-has-the-resources-to-replace-all-jet-a-with-saf

Are Aviation Biofuels Ready for Take Off? – Analysis | IEA :-

https://www.iea.org/commentaries/are-aviation-biofuels-ready-for-take-off

Biofuels for Aviation: Technology Brief | IRENA :-

https://www.irena.org/publications/2017/Feb/Biofuels-for-aviation-Technology-brief

Power to Liquids, Explained | Airbus :-

https://www.airbus.com/en/newsroom/news/2021-07-power-to-liquids-explained

Global SAF Production Set to Double in 2024, with Future Growth Policy – Dependent | S&P Global :-

https://www.spglobal.com/commodityinsights/en/oil/refined-products/jetfuel/010224-global-saf-production-set-to-double-in-2024-with-future-growth-policy-dependent

Global Sustainable Aviation Fuel Market | MarketsandMarkets :-

https://www.prnewswire.com/news-releases/sustainable-aviation-fuel-market-worth-16-8-billion-by-2030—exclusive-report-by-marketsandmarkets-302000381.html

Power to X Technology : Future Fuels Accelerating Decarbonisation :-

https://photos.app.goo.gl/f82CctT33C7ZdrN19

Synthetic Fuel Gas : Gasification of Plastic Waste & Biomass to SynGas or from Power to X Technology :-

https://photos.app.goo.gl/dDGTMm9r6qM29XxVA

SAF: Sustainable Aviation Fuel & Power to Liquid Technology for Aviation Sector :-

https://photos.app.goo.gl/RF78hHU12R6SyLbM7

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img