วันอาทิตย์, กันยายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS‘จุรินทร์’สับรัฐบาลกู้แจก‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ สร้างความหวังให้ปชช.ไปวันๆ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘จุรินทร์’สับรัฐบาลกู้แจก‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ สร้างความหวังให้ปชช.ไปวันๆ

โหลยโท่ย! ‘จุรินทร์’ ระดมสับรัฐบาลกู้แจก ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ยกใหญ่ เด็กเล่นขายของ ไม้หลักปักขี้เลน โอนไปเอนมา ดื้อรั้นดันทุรัง ปากกล้าขาสั่น สร้างความหวังให้ปชช.ไปวันๆ ชี้แร่ทางรอดพรรคการเมืองหาใช่ทางรอดประเทศ

เมื่อวัที่ 17ก.ค.67 เมื่อเวลา10.30น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน1.22แสนล้านบาท วาระแรก ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกคนละ 1หมื่นบาท

โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าว
ว่า มีคนในรัฐบาลนี้ อ้างว่าเราทำเหมือนประเทศสิงคโปร์ ที่นายกคนใหม่ของสิงคโปร์เป็นคนประกาศแจกเอง แต่ตนขอทำความเข้าใจใหม่ว่า การที่สิงคโปร์ที่แจกนั้น เขาแจกจริง เพราะเขามีเงินงบประมาณเหลือพอที่จะให้แจก แต่ประเทศไทยเป็นการกู้มาแจก จึงเป็นคนละเวอร์ชั่นกัน ตนไม่เคยต่อต้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ในทางตรงกันข้าม ตนได้ทวงถามแทนประชาชนทุกครั้งว่า เงิน 10,000 บาท ที่รัฐบาลประกาศที่จะแจกตั้งแต่ตอนหาเสียงจะได้เมื่อไหร่ และจะได้กี่โมง

วันนี้ก็ยังทวงถามรัฐบาลอีกครั้งถึงสัญญาที่ใช้หาเสียงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดยทำหน้าที่เป็นกระจกเงาสะท้อนรัฐบาล รวมถึงผลที่ตามมาของโครงการนี้ เพราะความล่าช้าของโครงการ หรือความโหลยโท่ยของรัฐบาล ที่บริหารราชการแผ่นดินเหมือนเด็กเล่นขายของ เปรียบเป็นไม้หลักปักขี้เลน โอนไปเอนมาเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ตั้งแต่ที่มาของแหล่งเงินงบประมาณที่จะใช้ ขนาดนายกฯ ออกมาโชว์พาวนำทีมแถลงเองว่า บอกว่าต่อไปนี้ชัดเจน แล้วก็ต่อมาก็ยกเลิกสิ่งที่ตัวเองแถลงนายกรัฐมนตรีท่านนี้เชื่อถือได้กี่เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องเลื่อนทำโครงการไปเรื่อยๆ เพราะงบประมาณยังล่องลอยอยู่ในอากาศ

ตอนหาเสียง คงจำได้แจกทันทีไม่มีกู้ พอเป็นรัฐบาลไม่กี่วันออกลาย เลื่อนทันที มีแต่กู้ ถึงขั้นออกพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้าน แต่สุดท้ายยกธงขาว เพราะจำนนด้วยข้อกฎหมายว่า ทำไม่ได้เพราะที่รัฐบาลพยายามสร้างประเด็นว่าเศรษฐกิจกำลังวิกฤต เอาเข้าจริง ประเทศไม่ได้วิกฤตถึงขั้นต้องกู้มาแจกจึงเปลี่ยนมาเป็น จะใช้เงิน ธกส. แทน ท่ามกลางเสียงเตือนว่า สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย เพราะเงิน ธกส. มีไว้ดูแลเกษตรกรเท่านั้น แต่จะเอามาแจกแบบเหวี่ยงแหหรือแบบเฮลิคอปเตอร์มันนี่ ที่ตนอภิปรายไปคราวที่แล้วว่า ทำไม่ได้ มันสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลก็เสียงแข็งยืนยันว่า ทำได้ เสียเวลาไปสามเดือน เพราะความดื้อรั้นดันทุรังของรัฐบาล จนสุดท้ายรัฐบาลต้องโยนผ้าอีกรอบ แสดงว่า ยืนยันมาตลอดแค่ ปากกล้า ขาสั่นสร้างความหวังให้ประชาชนไปวัน ๆ เท่านั้นเอง

เมื่อวานซืน ก็มาใหม่อีกแล้ว ขอเปลี่ยนเป็นแหล่งเงินที่จะมาแจก มาจาก2 แหล่งคือ 1. จากงบฯปี 67 จำนวน 165,000 ล้านบาท 2. งบฯปี 68 จำนวน 285,000 ล้านบาท รวมเป็น 450,000 ล้านบาท โดยงบฯปี 67 แยกเป็น 2 ก้อน งบฯปี 68 ก็แยกเป็น 2 ก้อน รวมเป็น 4 ก้อน คืองบฯปี 67จำนวน 165,000 ล้านบาท แยกเป็นงบกลางปี 122,000 ล้านบาท ที่กำลังขอสภาฯอยู่ขณะนี้ และกำลังพิจารณาอยู่ว่า ได้หรือไม่ได้ ส่วนอีกก้อนไปใช้คำว่า ไปบริหารจัดการ อีกจำนวน 43,000 ล้านบาท ส่วนงบฯปี 68 แยกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกงบกลางของงบฯปี 68 ที่กำลังพิจารณาอยู่ในชั้นกรรมาธิการของสภาฯ วันนี้ยังไม่จบ จำนวน 152,700 ล้านบาท

”อีกก้อนหนึ่งรัฐบาลก็ใช้คำหรูว่า เป็นงบเกิดจากการบริหารจัดการ อีก 132,300 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รู้ว่าอยู่ไหนเลย แต่ความจริงคือ ถึงวันนี้เม็ดเงินจริงๆ ยังไม่มีสักบาทเดียว ยังล่องลอยอยู่ในอากาศ เพราะยังต้องรอขั้นตอนกระบวนการทั้ง 450,000 ล้านบาท หลายประเด็นจึงยังไม่นิ่ง และนิ่งไม่ได้ เพราะรัฐบาลบริหารแบบ คิดไปทำไปและที่ร้ายที่สุด ถ้าใครติดตามอย่างละเอียดจะพบว่าเป็นแบบ สวนมาสวนกันไปของคนในรัฐบาลเดียวกัน” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนงบประมาณรายจ่ายกลางปีงบประมาณ 2567 โดยเฉพาะงบฉุกเฉิน ที่ใช้ไปแค่3,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น จากงบประมาณ 95,000 ล้านบาท เพื่อขยักการใช้เงินก้อนนี้ ให้เหลือใช้เพื่อนำไปแจก 43,000 ล้านบาท และงบประมาณปี 2568 จำนวน 132,300 ล้านบาท ขอถามย้ำว่า รัฐบาลจะนำงบฯจำนวนนี้มาจากแหล่งใด จะใช้กลไกของกรรมาธิการเสียงข้างมากตัดจากงบฯต่าง ๆ และใช้มติ ครม.นำกลับไปใส่ในงบกลางใช่หรือไม่ ส่วนร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มเติมปี 2567 ที่อภิปรายกันวันนี้ ก็มีเนื้อหาเพียง 6 มาตรา แต่ขอวงเงินสูงถึง 122,000 ล้านบาท ทั้งที่มีรายได้เพียง 10,000 ล้านบาท หากจะอนุมัติ พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเท่ากับว่า เป็นการอนุมัติให้รัฐบาลกู้เงินชดเชยอีก 112,000 ล้านบาทเพื่อนำมาแจกสนองนโยบายของรัฐบาล ส่วนการใช้หนี้ ทั้งต้นทั้งดอกปัดภาระให้เป็นเรื่องของอนาคต ที่รัฐบาลหน้า และคนรุ่นต่อไปรับผิดชอบ

“นอกจากนี้ ยังอ้างถึงรายจ่ายลงทุนที่กำหนดในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่มีการวิจารณ์กันมาก เพราะงบฯฉบับนี้ระบุรายจ่าย 122,000 ล้านบาทว่า รายจ่ายประจำร้อยละ 20 หรือ 24,400 ล้านบาทเป็นรายจ่ายประจำ แต่รายจ่ายการลงทุนร้อยละ 80 หรือจำนวน 97,600 ล้านบาท ถามว่า เหตุใดรัฐบาลถึงตีความว่า โครงการดิจิทัล วอลเล็ตจึงนับเป็นรายจ่ายเพื่อการลงทุน เพราะว่าโครงการนี้ไม่ใช่เงินลงทุน แต่เป็นเงินโอนเพื่อการใช้บริโภค การไปวินิจฉัยเองว่า 122,000 ล้านบาทเท่ากับเงินลงทุนร้อยละ 80 นี่มันคาบลูกคาบดอกไปหรือไม่ แล้วสุดท้ายอาจจะนำไปสู่ความเสี่ยง พ.ร.บ.การเงินการคลังมาตรา 20 (1) ต่อไป ผมเข้าใจว่า รัฐบาลพยายามใส่ฟองสบู่ให้เห็นว่า เงินที่ขอกู้วันนี้จริง ๆ เอาไปลงทุนเยอะไม่ได้เอาไปบริโภคอย่างเดียว แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในการพัฒนาต่อไปแต่มันหนีความจริงไม่พ้นว่าที่ นำไปแจกให้ไปบริโภคไม่เช่นนั้นจะกำหนดสินค้าทำไม“ นายจุรินทร์ กล่าว

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับความคุ้มค่าที่รัฐบาลนี้ย้ำมาหลายครั้งว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทำให้เศรษฐกิจโต 5% และทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ภายใน 6 เดือน แล้วจะทำให้จีดีพีดิจิทัลวอลเล็ตโต 1.2-1.8% แต่ตนมองสวนทางกันว่าโครงการนี้ได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งได้ไม่คุ้มเสียไม่แค่เพียงตัวเลขที่รัฐบาลบอกเท่านั้น แต่ยังมีค่าเสียโอกาสหากรัฐบาลนำเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาท ไปดำเนินการดำเนินการอย่างอื่นได้มากกว่านี้เช่น นำไปแจกกลุ่มเปราะบาง กลุ่มคนจน จะทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนทันที และนำเงินก้อนที่เหลือไปลงทุนด้านอื่นเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมากกว่า เช่นลงทุนโครงสร้างพื้น สร้างคนในระบบเศรษฐกิจ สร้างคนในระบบการศึกษารองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ การกู้มาจ่ายใน 6 เดือนเหมือนโยนหิน ลงน้ำหนึ่งก้อน เกิดแรงกระเพื่อมครั้งเดียวก็หายไป แต่ที่จะเกิดตามมาก็คือพายุหมุนแต่เป็นพายุหมุนที่หมุนนำหนี้ก้อนโตมาให้คนไทยต้องชดใช้ไปอีกนานเท่านาน เข้าทำนองประเทศเสียหายไม่ว่า ขอให้ข้าได้หาเสียง ที่พวกเราได้พูดกันอยู่ในสภาฯ

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงเรื่องความไม่โปร่งใสว่า ขอเตือนรัฐบาลให้ระวัง อย่าให้แรงกู้ครั้งนี้เป็นแรงกู้ไร้อนาคตเพราะการทุจริตคอรัปชันเป็นอันขาด เพราะขณะนี้ยังมีคำถามจากประชาชน เช่น เหตุใดไม่แจกบุคคลตั้งแต่อายุ 13 ปีเป็นต้นไป พร้อมยังตั้งข้อสังเกตว่า การแจกผู้ที่อายุ 16 ปี ทำให้อีก 2 ปี ก็จะสามารถลงคะแนนได้ หากแจกเด็กอายุ 13 ก็อาจจะเสียของ จึงเห็นว่าเหตุผลนี้เป็นคำตอบ จึงขอให้รัฐบาลได้รับทราบแผนที่มีการเปลี่ยนไปใช้แอปฯ ทางรัฐบาล แต่ดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นทางรอดของคนจนและกลุ่มเปราะบางชั่วคราวเท่านั้น เป็นทางรอดของพรรคการเมืองแต่ไม่ใช่ทางรอดของประเทศ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img