“ทักษิณ” บอกปีเกิดปีนี้เป็นปีที่ดี เพราะรมต.-สส.จะได้ไม่ต้องตีตั๋วไปหาที่อื่น ขอใช้คำว่าสุขภาพมีค่าที่สุด ขณะที่คดี “เศรษฐา”ไม่ต้องกังวล และไม่จำเป็นต้องมีแผนสำรอง ยืนยันตนเองก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แก่แล้ว หมดเวลาทำงาน
เมื่อวันที่ 26 ก.ค.67 ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายทักษิณ ชินวัตร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดบ้านให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังจากทำบุญวันเกิดครบรอบ 75 ปีว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่มีความหมายและมีความสุขมาก ตนรู้สึกยินดีที่ปีนี้จะได้อยู่ในวันงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 ก.ค.67 ซึ่งเป็นวันสำคัญของคนไทยทุกคน ส่วนได้ขอพรอะไรบ้างให้ตัวเองนั้น ขอใช้คำว่าสุขภาพมีค่าที่สุด ตนคิดว่าคนที่อายุเกิน 55 ปี ต้องเริ่มดูแลสุขภาพ เพราะสุขภาพสำคัญที่สุดในชีวิตเรา สำหรับเรื่องการเมืองนั้น ถ้าเรายังมีพลังอยู่ เราก็สามารถทำงานให้บ้านเมืองได้หมด ถ้าเรายังรักษาร่างกาย มีสมองแจ่มใส ก็จะสามารถช่วยบ้านเมืองให้เป็นประโยชน์ได้
ถามว่า เมื่อปีที่แล้วน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคยโพสต์ว่า อยากจะจัดงานวันเกิดให้นายทักษิณที่ประเทศไทย และวันนี้ได้เกิดขึ้นจริง มีความรู้สึกอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ก็ได้ทำบุญและได้นิมนต์พระที่เคารพนับถือมาสวดมนต์ให้พร และถวายเพลพระ พร้อมทานข้าวกับนักการเมือง นักธุรกิจและญาติพี่น้องซึ่งมีความสุขดี และปีนี้เป็นปีที่ดีเพราะ น.ส.แพทองธาร และรัฐมนตรีรวมทั้งนักการเมืองคนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องตีตั๋วไปหาตนที่อื่น ส่วนที่มีการจัดงานเลี้ยงวันเกิดทั้งหมด 3 วัน เป็นงานที่คนอื่นจัดงานเลี้ยงให้ ตนจึงไปร่วมงาน และการที่บอกว่าจะอยู่ไปอีกถึง 40 ปีเลยใช่หรือไม่ ตนต้องให้กำลังใจตัวเองจะอยู่ถึงอายุเท่าไหร่ก็เท่านั้น
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีที่วันที่ 22 ส.ค.นี้ จะพ้นมลทินแล้วว่า ไม่เป็นไร เป็นเรื่องธรรมดา คนเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีมา ก็คิดถึงบ้านเมือง ห่วงบ้านเมือง ห่วงประชาชน มีอะไรที่เราคิดว่าจะต้องแนะนำ ติติงได้ เราก็จะทำผ่านช่องทางทางการเมือง เพื่อให้เขาได้แก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจัง และไม่มีโอกาสจะรับตำแหน่งอะไรทางการเมือง เพราะตนเองเงินเดือน 700 บาท จะรับตำแหน่งอะไรได้ ส่วนบทบาทในการช่วยเหลือน.ส.แพทองธารนั้น ก็เป็นในฐานะพ่อให้คำปรึกษาลูก
“ไม่ห่วงเรื่องอะไร แต่ห่วงเรื่องบ้านเมือง และเศรษฐกิจ เพราะประชาชนลำบาก ก็จะช่วยกันคิดว่าจะพลิกฟื้นอย่างไรให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ก็กำลังคิดกันอยู่ สถานการณ์ของประเทศตอนนี้ วันนี้ต้องเรียกความเชื่อมั่น ถ้าไม่มีความเชื่อมั่น ไม่มีความน่าเชื่อถือ เงินก็จะหายหมด และวันนี้ชาวบ้านเป็นหนี้เยอะ เราจำเป็นต้องเสกคาถา เรียกเงินกลับเข้ามาให้ได้”นายทักษิณ กล่าว
ส่วนการพิจารณาคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค.นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่น่ามีอะไรเป็นข้อกังวล เพราะนายกรัฐมนตรีทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซับซ้อน เชื่อว่าน่าจะชี้แจงได้หมดทุกอย่าง ซึ่งไม่มีอะไรต้องกังวล และไม่จำเป็นต้องมีแผนสำรอง ตนเองก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แก่แล้ว หมดเวลาทำงาน
ส่วนที่มีกระแสเพลง “คิดถึงลุงตู่” ในโซเชียล รัฐบาลต้องเร่งเครื่องอะไรหรือไม่ ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น นายทักษิณ กล่าวว่า “เหรอครับ ใครเปิด” ไม่เป็นไรหรอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เป็นองคมนตรี ท่านไม่กลับมาการเมืองแล้ว อย่าไปทำให้ท่านเสีย ส่วนการเปรียบเทียบเศรษฐกิจทั้งสองยุคนั้น จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไร น่าจะทำได้อยู่ ตนเองคิดว่า คงพูดเปิดทางด้านแนวทางด้านเศรษฐกิจด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไว้ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้หันมาดูว่า ประเทศไทยควรจะไปในทิศทางไหน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยในประเทศ และต่างประเทศ
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวท้าดีเบตว่า “อย่าไปพูดถึงเขาเลยสงสาร ผมสงสารเขา เขาอายุเยอะแล้ว อย่าไปพูดถึงเขา ผมอายุเยอะแล้ว แต่เขาก็อายุเยอะกว่า”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ นักข่าวได้ร่วมกันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้กับนายทักษิณด้วย