วันอังคาร, พฤศจิกายน 12, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS‘วิโรจน์’ฉะ‘สก.เพื่อไทย’ขวางคนนอกนั่ง กมธ.แปรงบฯ 68 กทม.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘วิโรจน์’ฉะ‘สก.เพื่อไทย’ขวางคนนอกนั่ง กมธ.แปรงบฯ 68 กทม.

วิโรจน์’ แถลงฉะ ‘สก.เพื่อไทย’ หลังออกมาขวางคนนอกนั่ง กมธ.แปรงบ 68 กทม. บอกพบร่องรอยกระบวนล็อคสเป็ค-ฮั้วประมูล กดดัน !ชัชชาติ‘ ขอจับตา กทม. แถลงความชัดเจน30ก.ค.ลั่น อะไรที่ ’ชัชชาติ‘ กระอักกระอ่วนใจ เดี๋ยว ’วิโรจน์‘ จัดให้

วันที่ 29 ก.ค.67 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล แถลงเพิ่มเติมถึงการล็อคสเปคเครื่องออกกำลังกาย ว่า ตนเข้าใจว่า นายชัชชาติ สิทธพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความกระอักกระอ่วนพอสมควรและจากการแถลงข้อมูลของพรรคในวันนี้ พบว่า มีข้อสังเกตและข้อสงสัยอย่างมากในการล็อคสเปค ซึ่งนายศุภณัฐได้ทิ้งร่องรอยไว้ว่ามีทั้งเรื่องของการสืบราคา จากผู้ประกอบการเข้ามาเสนอราคาที่อาจจะเกิดข้อสงสัยว่า ให้เอกชนรายรายหนึ่งเข้ามาเพื่อให้อีกรายหนึ่งชนะการประมูล และอีกรายหนึ่งยอมแพ้ มองว่า เป็นเหมือนการแบ่งงานกัน เพราะไม่เคยเปิดราคาไปยังผู้ประกอบการรายอื่นในวงกว้าง

อีกทั้งมีการล็อคสเป็คเกี่ยวกับฟังค์ชั่นการใช้งาน โดยไม่มีความจำเป็น และต้องมีใบมาตรฐานไอเอสโอ 5-6 ใบรับรองที่เกินจำเป็น แถมยังมีการล็อคการเสนอราคาที่เข้ามาประมูลอีก โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนเป็นการเติบโตไปด้วยกันหรือไม่ ประมูลครั้งแรกไม่ได้กำหนดเวลาว่าภายใน 1 ปี พอเริ่มประมูลก็เริ่มล็อคว่า 1 ปี 2 ปี และไปไกลจนถึง 4 ปี เพื่อกันไม่ให้เอกชนรายอื่นเข้ามาร่วมเสนอราคาด้วย

ส่วนในวันพรุ่งนี้เข้าใจว่า นายชัชชาติ จะมีการแถลงความคืบหน้าในเรื่องนี้ แต่เท่าที่ตนติดตามในสิ่งที่นายชัชชาติได้พูด ก็เข้าใจถึงความกระอักอระอ่วน และยังไม่มีความชัดเจนอะไรกับข้อมูลที่ระบุว่า 10 บริษัทที่ขอราคาไป ยังไม่ให้ข้อมูลกลับมา จึงอยากแนะนำว่า ให้ข้าราชการสืบราคาจริงจากท้องตลาดหรือราคาซื้อขาย ว่าราคาอยู่ที่เท่าไหร่ และราคาที่ประมูลในครั้งนี้ แพงจริงหรือไม่ เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หากข้าราชการให้ความร่วมมือเพราะมองว่า ข้าราชการอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความขาวสะอาดสามารถเข้าไปสืบราคา หวังว่าพรุ่งนี้นายชัชชาติในฐานะที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเฉพาะเจาะจงได้ว่ากระบวนการการทุจริตนั้นมีหรือไม่ และมีใครเกี่ยวข้องบ้าง

นายวิโรจน์ ย้ำว่า เหตุการณ์ในวันนี้ ไม่อยากไปเพ่งเล็งเฉพาะในเรื่องของเครื่องออกกำลังกายและอุปกรณ์ใดๆ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งกับการจัดซื้อจัดจ้างทางครุภัณฑ์หรือการดำเนินการก่อสร้างก็ดี ซึ่งตนอยากให้โฟกัสกับคำว่า “งบแปร” ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดีที่ไม่ดีคือเป็นแหล่งในการทำคอรัปชั่นได้เหมือนกัน

พร้อมอธิบายว่า ความหมายของงบแปร ไม่ได้มีข้อบังคับในการห้ามบุคคลภายนอกที่มีความรู้หรือมีประสบการณ์การตรวจสอบการทุจริต เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการวิสามัญด้วย ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ตรวจสอบข้อบังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้พูดคุยกับนายชัชชาติ ซึ่งนายชัชชาติก็ยินดี

โดยใน 1 ปี มีงบแปรอยู่ที่ประมาณ 4-5 พันล้าน และเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและ ที่จะนำรายงานจากคณะกรรมการสามัญต่างๆ ของสภากรุงเทพมหานครไปพิจารณา รวมถึฝข้อร้องเรียนหรือข้อคิดเห็นจากผู้อำนวยการ 50 เขต มาพิจารณาว่าเงิน 4-5 พันล้าน จะนำไปไว้ในโครงการอะไร เพื่อสนองความต้องการของประชาชนในเขต ไม่ว่าจะทำถนนหรือปรับปรุงท่อระบบระบายน้ำ ระบบขยะหรือจะไปซื้อคุรุภัณฑ์ อะไรที่ตอบโจทย์ที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่

ฉะนั้นถ้างบแปรเป็นงบที่ดี สก. ก็จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับงบประมาณเลย เพราะถือเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารแต่ สก.จะเข้าไปทำหน้าที่กำกับดูแลโครงการที่ใช้งบโครงการ ว่ามีการดำเนินการเร่งด่วน รวดเร็วและมีความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่

แต่งบแปร ในมุมไม่ดี ก็จะเป็นปัญหา อย่างวันที่ 30 กรกฎาคม ที่จะมีการพิจารณาวาระของกรุงเทพมหานคร หากคิดในทางที่ไม่ดีจะมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร กลุ่มนึงรวมตัวกันและเข้าไปกดดันข้าราชการ เพราะผู้อำนวยการเขต ก็จะล็อคเฉพาะผู้รับเหมาของตัวเอง อย่างการ ซื้อถังดับเพลิง อุปกรณ์กันยุง ซึ่งแต่ละปี มีเงินทอนไปสู่นักการเมืองท้องถิ่น 400-1000 ล้านบาท ต่อปี

จึงมองว่า นายชัชชาติ ไม่มี สก. ในสังกัด ก็จะถูกความกดดันนี้อยู่เรื่อยไป ซึ่งเชื่อว่า เครื่องออกกำลังกายที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่ งบประมาณจากผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งแต่แรก แต่เป็นของกลุ่ม สก.ที่รวมตัวกัน ซึ่งผู้ว่าฯ ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

ยอมรับว่ากังวลกับงบประมาณ กทม. ที่มี สก.บางกลุ่มทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หรือและฮั้วกับข้าราชการกลุ่มก่อนในการล็อกสเปคเพื่อให้ผู้ค้าในเครือข่ายของตนเองและ ทองเงินให้กับกลุ่มนั้น รวมทั้งอาจจะจัดสรรเงินทอนบางส่วนให้ข้าราชการที่ยอมเป็นลูกสมุนให้ นี่คือปัญหาของทั้งหมด

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า เราจะเสนอบุคคลภายนอก 2 คนเข้าเป็นคณะ และเชื่อว่าหากมีการขานชื่อในที่ประชุมสภาจะได้รับการตอบรับที่ดี จากประขาชน พร้อมเปิดเผยว่า เป็นชื่อ ตัวย่อ อ.ทั้ง 2 คน

เมื่อถามว่ามีหลักฐานหรือข้อมูลที่สามารถยืนยันเรื่องการ สก.พรรคเพื่อไทย จะฮั้วจัดสรรงบปี 68 ว่า เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานเป็นใบเสร็จ แต่พบร่องรอย เช่น เรื่องของการคัดค้าน การตั้งคนนอกที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปเป็น เข้ามาเป็นกรรมาธิการวิสามัญงบปี 2568 ทั้งที่นายชัชชาติ ก็เห็นดีด้วย ซึ่งหากพิจารณาตามสัดส่วน ของพรรคก้าวไกล 6 คน ของผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ก็จะรวมกันเป็น 15 ซึ่งยังไม่ถึงเสียงข้างมากทั้งหมด 36 คน ซึ่งหากอยากจะให้งบประมาณ ของกรุงเทพฯมีความโปร่งใสสุจริตใช้งานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตนก็มองไม่เห็นว่ามีเหตุผลอะไรที่พรรคเพื่อไทยจะคัดค้านในเรื่องนี้

อีกหนึ่งประเด็นคือคณะอนุกรรมการที่ดูงบรายเขต ล่าสุดมีการกำหนดว่าจะให้เพียง สก. 5 คน เท่านั้นในการนั่งเป็นคณะอนุกรรมการ ก็จะเหลือองค์ประชุมแค่ 3 ใน 2 ถ้าหากมีการตกลง ปรับลดงบให้นำไปเป็นงบแปลและไปบีบผู้ว่าให้บริษัทที่อยู่ในเครือข่ายของตัวเองเข้ามารับงานในกรุงเทพฯ ก็จะใช้เสียงแค่ 3 ใน 2 เท่านั้น มันตกลงกันง่ายกว่าจากเดิมที่มี 13 คน นี่จึงถือเป็นร่องรอยและข้อสังเกต ว่า กระบวนการแบบนี้ ไม่เอื้อต่อการตรวจสอบอย่างรอบคอบ แต่เพื่อให้เกิดโครงการฮั้วประมูล

เมื่อถามย้ำว่า นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก. เขตมีนบุรี ของพรรคเพื่อไทย ออกมาตอบโต้ว่า เรายังไม่มีมติห้ามคนนอกเป็นกรรมาธิการ และที่ผ่านมาการใช้กรรมาธิการที่เป็นคนนอกสร้างความขัดแย้ง เนื่องจากไม่ทราบข้อมูลเชิงลึกเพียงพอนั้น นายวิโรจน์ ท้ากลับว่า ให้นายวิรัตน์ เปิดข้อมูลชื่อกรรมาธิการคนนอกที่เป็นปัญหา และปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการเสนอชื่อคนนอก ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ แต่สำหรับของพรรคก้าวไกลอักษรย่อออ่างทั้งสองคน เป็นบุคคลที่สังคมยอมรับ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนของคุณไปตั้ง คนที่สร้างปัญหา และตนเข้าใจว่าคนที่สร้างปัญหาเหล่านั้นไปพัวพันกับกระบวนการล็อกสเปค แต่คนคุณกลับมากีดกันคนนอกของพรรคอื่น ที่พักก้าวก่ายยืนยันว่ามีความรู้ความสามารถ คุณเอาประสบการณ์อันเลวร้าย จากความไม่รอบคอบของตัวท่านเองมาเหมารวมคนอื่นได้อย่างไร และการเสนอชื่อของคนนอกก็เป็นการเสนอในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล ไม่ได้ไปขอสัดส่วนของพรรคอื่นหรือของผู้ว่า กทม. นี่จึงเป็นสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่า เท่าที่พูดคุยกับนายชัชชาติ ถือว่ามีความกระอักกระอ่วนกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราได้ไลน์บอกนายชัชชาติ ว่าเราตัดสินใจจะเสนอชื่อคนนอก ซึ่งนายชัชชาติ ก็ยินดี และท่าทีของนายชัชชาติที่นิ่งเงียบ ก็รับรู้ได้ถึงความกระอัดกระอ่วนใจที่จะพูด ตนจึงถือโอกาสพูดแทน และการที่ท่านนิ่งเงียบก็สะท้อนถึงปัญหาบางอย่างอยู่แล้ว ดังนั้น “อะไรที่ท่านเงียบแล้วเป็นปัญหาเดี๋ยววิโรจน์จัดให้”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img