“หมอเปรม” ชงญัตติตั้งเพิ่มกมธ.เพิ่มเป็น 28 คณะ หวังตรวจสอบรัฐบาลเข้มข้น เสนอแยกกีฬา-ท่องเที่ยว-กระบวนการยุติธรรม-ตำรวจออกจากกัน เย้ยฝากความหวังฝ่ายค้านลำบาก หมดไฟ
วันที่ 30 ก.ค.2567 เวลา 10.30น.ที่รัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แถลงว่า ตนได้ยื่นญัตติขอแก้ไขร่างข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ต่อประธานวุฒิสภา เมื่อเช้าวันที่ 30ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นญัตติแรกของวุฒิสภาชุดนี้ เพื่อขอให้ที่ประชุมพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาฉบับใหม่ที่ตนคณะ สว. รวม 21 คนเป็นผู้เสนอ สาระสำคัญคือ การพิจารณาเพิ่มเติมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ วุฒิสภา จากเดิม 26 คณะ เพิ่มเป็น 28คณะ โดยเพิ่ม 2 คณะ คือ 1.ขอให้มี กมธ.เศรษฐกิจ มาทำหน้าที่ดูแลภาพรวมเศรษฐกิจประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งให้แยกออกจาก กมธ.การเงิน การคลัง และสถาบันการเงิน และ 2.การเพิ่ม กมธ.ตำรวจ โดยแยกออกจาก กมธ.กฎหมายและการยุติธรรม เพราะมีหน้าที่แตกต่างกัน
“การเพิ่มกมธ.สามัญครั้งนี้ เป็นการเพิ่มความเข้มข้นตรวจสอบรัฐบาล เพราะถ้าไปดู กมธ.สามัญ สภาผู้แทนราษฎร มักจะยึดหลักหากรัฐมนตรีดูแลกระทรวงใด จะให้คนของพรรคนั้นเป็นประธาน กมธ. ดังนั้นจะมาตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างไร กระบวนการตรวจสอบรัฐบาลจึงมาอยู่ที่วุฒิสภามากกว่า และการเพิ่ม กมธ.สามัญ ก็ใช้งบประมาณเพิ่มเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีข้อน่าสงสัยเหมือนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต”นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขอเชิญชวน สว.ปลดล็อก ที่มา ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มไหน ให้มาช่วยกันทำงาน และขอฝากประธานวุฒิสภา ถึงการวางตัวประธานกมธ.ชุดต่างๆ ให้ยึดหลักความรู้ ความสามารถ อย่าไปวางแบบผิดฝาผิดตัว ถ้ายังล็อกเก้าอี้ประธาน กมธ.อีก จะหมดหวังต่อระบบวุฒิสภา ส่วนที่ สว.บางคนเสนอให้บทบาทของสว.ชุดใหม่ ควรเน้นเรื่องการกลั่นกรองกฎหมาย ไม่ควรเน้นเรื่องการตรวจสอบรัฐบาลนั้น ขณะนี้ฝ่ายค้านอ่อนแอ มีแต่ข่าวยุบพรรค จะเป็นความหวังได้แค่ไหน แต่สว.ชุดใหม่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ยังกระฉับกระเฉง ถ้าไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลก็เหมือนกับการบิดพลิ้วสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ส่วนข้อเสนอให้ สว.ตรวจสอบคุณสมบัติของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนะใสมัย สว. ที่มีข้อสงสัยเรื่องวุฒิการศึกษานั้น ขณะนี้ยังไม่ไปถึงจุดนั้น ยังไม่มีการตั้งกมธ.ใดๆ แต่ถ้าร่างแก้ไขข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาผ่านแล้วมีคนเสนอขึ้นมา ก็อาจตรวจสอบได้ เราพร้อมรับฟังความเห็น