เริ่ม 1 ส.ค.‘ดีอี’ จับมือหน่วยงานพันธมิตร ‘ไปรษณีย์-ออมสิน-ธกส.’ เปิดจุด Walk-in ช่วยลงทะเบียน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ กว่า 5,000 แห่ง อำนวยความสะดวกประชาชน
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ รัฐบาล โดยกระทรวงดีอี และกระทรวงการคลัง ได้เปิดช่องทางให้ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการ โดยกลุ่มผู้ที่มีสมาร์ตโฟนลงทะเบียนผ่าน แอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ‘ทางรัฐ’ ได้โดยตรงจาก App store และ Play Store
โดยในวันที่ 1 ส.คซ67 หากประชาชนที่ดาวน์โหลดแอปฯ ต้องการความช่วยเหลือในการลงทะเบียนฯ รัฐบาลได้กำหนดสถานที่จุดให้บริการ (Walk-in) สอบถามข้อมูล และให้บริการรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดังนี้
1.ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ
2.ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง ทั่วประเทศ (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ)
3.ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ
4.ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ประชาชน ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถสอบถามข้อมูล และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่จุดบริการจำนวนรวม 5,199 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งรัฐบาล โดยกระทรวง ดีอี กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้บริการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตามระยะเวลาทำการ
สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งเป็นข้อมูลโดยตรงจากรัฐบาล ที่เชื่อถือได้ ในเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านศูนย์บริการข้อมูลโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โทรสายด่วน. Digital Wallet 1111 พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
รัฐบาล โดยกระทรวงดีอี กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดสถานที่เป็นจุดให้บริการแบบ Walk-in เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสอบถามข้อมูล และให้บริการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 5,199 จุดทั่วประเทศ เพิ่มเติมจากการลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ของประชาชน โดยคาดว่าจะมีประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการประมาณ 45-50 ล้านคน