ธอส. ออก 2 มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC1-DC2) ดูแลลูกค้าที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ-ลูกค้าสถานะ NPL-ลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก เพื่อรักษาบ้านของตนเอง
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จำนวน 2 มาตรการ ช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่ยังคงได้รับผลกระทบด้านรายได้ให้ได้รับความช่วยเหลือนานสูงสุด 2 ปี โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวดลง ประกอบด้วย
1.มาตรการช่วยเหลือ “DC1” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM, ลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก
ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี สามารถผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 3.55% ต่อปี
และ +100 บาท เป็นระยะเวลา 2 ปี กรณีลูกค้าชำระเกินกว่าที่ธนาคารกำหนด ให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี)
2.มาตรการช่วยเหลือ “DC2” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 4 เดือนแรก 0% ต่อปี โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน, เดือนที่ 5-8 ผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 1.90% เพียง 50% และ +100 บาท และเดือนที่ 9-12 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 3.90% เพียง 50% และ +100 บาท กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) ทั้งนี้ ดอกเบี้ย 50% ของงวดที่ 5-12 ธนาคารจะพักชำระไว้ เมื่อลูกค้าผ่อนชำระครบตามเงื่อนไขจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 50% ช่วงที่อยู่ในมาตรการ
โดยผ่อนชำระเงินงวดเริ่มต้น 4 เดือนแรกเพียง 1,000 บาท ลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธ.ค.67 โดยลูกค้าจะต้อง Upload หลักฐานยืนยันการได้รับผลกระทบทางรายได้พื่อให้ธนาคารพิจารณาด้วย ส่วนกรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถกรอกข้อมูลเพื่อแจ้งความประสงค์ขอรับ ความช่วยเหลือได้ที่สาขาทั่วประเทศ
“การจัดทำมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของ ธอส. ในภาวะที่ลูกค้าได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือลูกค้าให้ได้มีบ้านเป็นของตนเองแล้ว ยังช่วยลูกค้ารักษาบ้านของตนเองได้ต่อไป ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้ ในภาพรวมจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ขยายตัวดีขึ้นตามไปด้วย”นายกมลภพ กล่าว