“ชัยธวัช” ฟาดกลางสภาฯกม.พรรคการเมืองมองพรรคเป็นสิ่งเลวร้าย หนุนพรรคการเมืองเกิดง่าย ยุบโดยปชช. ถล่มอำนาจฉ้อฉลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งครอบงำปชต. ชี้พัฒนาการยุบพรรคน่ากลัวมากขึ้น พยายามสถาปนาระบอบอำนาจนิยม
วันที่ 1 ส.ค.2567 เวลา 14.45 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนาย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณารายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เรื่อง ข้อเสนอในการส่งเสริมสถาบันพรรคการเมือง ให้ยึดโยงกับประชาชน โดยมีการเปิดให้สมาชิกอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เป็น สส.จากพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นสลับกันอภิปราย
ต่อมาเวลา 17.15 น.นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รายงานกมธ.ฉบับนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อพวกตน ไม่มีผลกระทบต่อชะตาชีวิตพวกตน เป็นเรื่องทุกพรรค และผลประโยชน์ประชาธิปไตยไทย ปัญหาใหญ่คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พยายามออกแบบให้ดูดี ควบคุมให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันของประชาชน แต่ไม่บรรลุเจตนารมณ์ เพราะออกแบบจากฐานคิดต่อต้านประชาธิปไตยโดยรู้ตัว หรือไม่รู้ตัว ไม่ไว้วางใจนักการเมือง และอำนาจจากการเลือกตั้ง มองพรรคการเมืองเป็นความเลวร้ายของการเมืองไทย ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตรไปหมด เจตนารมณ์ที่อยากให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชนไม่เกิดขึ้น กลับเป็นของกลุ่มทุนที่หาประโยชน์ พรรคที่มาจากอุดมการณ์ประชาชนจริงๆเกิดยากมาก
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ขอสนับสนุนหลักพรรคการเมืองเกิดง่าย ดำรงอยู่ง่าย ยุบยาก ต้องยุบโดยประชาชนเท่านั้น แต่รายงานฉบับนี้ไม่ควรเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การแก้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเท่านั้น แต่ควรไปสู่การออกแบบสถาบัน กติกาการเมืองทั้งหมดที่มีปัญหาจากฐานคิดชุดเดียวกันที่พยายามทำให้สังคมไทยเชื่อโดยไม่รู้ตัวว่า ปัญหาการเมืองไทยเกิดจากพรรคการเมือง นักการเมือง อำนาจการเลือกตั้ง แต่ปิดซ่อนเร้นอำนาจฉ้อฉลที่ไม่คยถูกตรวจสอบจากอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง สถานการณ์ปัจจุบันกำลังต่อสู้กับความพยายามสถาปนาระบอบการเมืองที่ทำให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอยู่เหนืออำนาจการเลือกตั้ง นี่คือปัญหาใจกลางสำคัญของรัฐธรรมนูญและพ.ร.ป.พรรคการเมือง รวมถึงความคิดปลูกฝังต่อประชาธิปไตยแบบไม่รู้ตัว โดยโยนความผิดให้พรรคการเมือง
“การยุบพรรคนั้นอยากจะสื่อสารว่า พัฒนาการยุบพรรคน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การทำลายสถาบันการเมืองของประชาชน แต่ยังเริ่มเห็นอาการยุบพรรคการเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสถาปนาระบอบอำนาจนิยม หรือเผด็จการแบบไทยๆที่เรียกว่า นิติรัฐแบบไทยๆ แปลกแยกออกจากออกหลักการพื้นฐานจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมากขึ้นทุกวัน เป็นอันตรายที่หลายคนอาจไม่สังเกต แต่ลองไปอ่านดูคำนิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหลายฉบับที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงกว่าการคิดแค่จะแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อให้ระบบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เป็นของประชาชน มีความหมายจริงๆ ไม่ใช่มีอยู่ในตัวอักษรเท่านั้น ถูกตีความและบังคับใช้โดยที่ไม่ประชาชนอยู่ในสมการ”นายชัยธวัชกล่าว
จนกระทั่งเวลา 17.30น. หลังจากที่สมาชิกอภิปรายครบถ้วนทุกคนแล้ว นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว่า จากการอภิปราย ทุกคนเห็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องลงมติ ขอให้ส่งรายงานไปยังครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป