วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ตลาดจับตา“ศาลรธน.”วินิจฉัยคดียุบก้าวไกล
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ตลาดจับตา“ศาลรธน.”วินิจฉัยคดียุบก้าวไกล

ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 35.49 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ตลาดจับตาประเด็นการเมืองไทย กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกล- ด้านราคาทองคำร่วง

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.49 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในช่วง 35.45-35.60 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 35.60 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลงหนักกว่าคาด ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทได้เริ่มชะลอลง หลังบรรยากาศตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่ทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ได้กดดันให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ทว่า เงินบาทก็ไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากนัก เนื่องจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงดังกล่าว ที่มาพร้อมกับการทยอยปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ สู่ระดับ 3.90% ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเข้าใกล้โซน 2,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันเงินบาทในฝั่งอ่อนค่า ทำให้โดยรวมเงินบาทยังคงแกว่งตัวแถวโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์

บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ เริ่มกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หลังผู้เล่นในตลาดได้ทยอยคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯเสี่ยงชะลอตัวลงหนัก นอกจากนี้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เริ่มทยอยกลับเข้าซื้อบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ที่ปรับตัวลดลงหนักในช่วงก่อนหน้า อาทิ Meta +3.9%, Nvidia +3.8% ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์ขึ้น +1.03% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.04%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.29% ตามการทยอยเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด โดยผู้เล่นในตลาดได้กลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่ปรับตัวลดลงหนักในช่วงก่อนหน้า นำโดย ASML +4.6% นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนฝั่งยุโรปในช่วงนี้ก็ยังคงออกมาสดใส ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

ในส่วนตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และการทยอยปรับมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลงหนัก ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จนแตะระดับ 3.90% สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ได้ประเมินไว้ในวันก่อนว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯยังมีโอกาสที่จะทยอยกลับขึ้นไปทดสอบโซน 4.00% ได้อีกครั้ง หากผู้เล่นในตลาดทยอยกลับมาเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ไม่ถึง -50bps ในการประชุมเดือนกันยายน

ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าคาดบ้าง หรือถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ที่อาจย้ำมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ได้มีแนวโน้มชะลอตัวลงหนัก หรือเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เฟดก็อาจเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้บ้าง ตามพัฒนาการของอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงตามคาด และภาพตลาดแรงงานที่ชะลอลงมากขึ้น โดยเรามองว่า ควรรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์หน้าที่อาจจะเห็นการส่งสัญญาณดังกล่าว

ทางด้านตลาดค่าเงินนั้น เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลงหนัก และปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็เผชิญแรงกดดันจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถว 103 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 102.8-103.2 จุด)

ส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) จะพยายามปรับตัวขึ้นเหนือโซน 2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทว่าภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินและการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ก็กลับมากดดันให้ราคาทองคำทยอยปรับตัวลดลง สู่โซน 2,420 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เข้าใกล้โซนแนวรับระยะสั้นและเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาประเด็นการเมืองไทย เนื่องจากจะศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกลในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยหากเกิดความไม่แน่นอนของการเมืองไทยในระยะสั้น (ซึ่งอาจต้องรอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า) ก็อาจกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินและเสี่ยงที่จะทำให้เกิดแรงขายสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติได้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจนั้น เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ในเดือนกรกฎาคม อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.8% (+0.2%m/m) ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ก็อาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 0.40% ตามการปรับตัวขึ้นบ้างของราคาอาหารและราคาพลังงาน

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศของจีน ผ่านรายงานยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports & Imports) เดือนกรกฎาคม และในฝั่งสหรัฐฯ ตลาดจะรอติดตามรายงานยอดสต็อกน้ำมันคงคลังสหรัฐฯ ซึ่งอาจสะท้อนถึงความต้องการใช้พลังงานในช่วงนี้ และอาจกระทบต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบ

นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดก็จะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ในช่วงนี้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทเริ่มเผชิญความเสี่ยงด้านอ่อนค่ามากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 35.60 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ในวันก่อน โดยในวันนี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนของค่าเงินบาท ในช่วงตลาดทยอยรับรู้คำวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้บ้าง

อย่างไรก็ดี ประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทสามารถทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง (Sell on Rally) ทำให้หากเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ ก็อาจเริ่มชะลอการอ่อนค่าแถวโซน 35.65 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวต้านถัดไปแถว 35.85 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเรามองว่า เงินบาทจะผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจน อาจต้องเห็นการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลงต่อเนื่องของราคาทองคำประกอบด้วย ซึ่งอาจเกิดในจังหวะที่ตลาดปรับลดมุมมองต่อการลดดอกเบี้ย “เร็วและแรง” ของเฟด อย่างชัดเจน

ในส่วนโซนแนวรับค่าเงินบาทนั้น เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าผ่านโซน 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนัก จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทว่า ควรระวังความเสี่ยงที่เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าได้เร็วและแรง หากตลาดเผชิญปัจจัยใหม่ๆ จนทำให้เกิดการเร่ง Unwind JPY-Carry Trade หนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) กลับมาแข็งค่าขึ้นเร็วในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40-35.65 บาทต่อดอลลาร์

    

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img