วันจันทร์, กันยายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“พิธา”รับหนักใจระบบการเมืองไทย ชี้ไม่ยุติธรรมคดี 44สส. ชงแก้ม.112
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พิธา”รับหนักใจระบบการเมืองไทย ชี้ไม่ยุติธรรมคดี 44สส. ชงแก้ม.112

“พิธา”บอกเบาตัว สบายใจหลังพรรคก้าวไกลถูกยุบ ยอมรับหนักใจระบบการเมืองไทย มองไม่ยุติธรรมคดี 44 สส. ชงแก้ 112 ถามมาตรฐานแต่ละคนไม่เหมือนกัน แบบนี้ใครจะเป็น ‘ตำรวจจริยธรรม’




เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ จ.ราชบุรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกภายหลังพรรคประชาชนเปิดตัว ว่า ในฐานะประชาชนและในฐานะผู้ร่วมงาน ก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย มั่นใจว่าพรรคประชาชนจะสามารถที่จะบริหารจัดการได้ โดยวิถีทางของพรรค และรู้สึกไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลใจตั้งแต่ต้น ส่วนจนถึงวันนี้หลังถูกยุบพรรครู้สึกอย่างไรบ้างนั้น  ส่วนตัวเบาใจ สบายใจ แต่หากให้พูดถึงส่วนรวมก็รู้สึกหนักใจกับระบบการเมือง ระบบสังคม และระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัญหาต้องแก้ไขเยอะ ส่วนตัวก็รู้สึกสบายใจดี เมื่อเข้าได้ออกกำลังกายเต็มที่ มันก็เลยเป็นความรู้สึกที่บอกยากนิดหนึ่ง ส่วนตัวก็อย่างหนึ่ง ส่วนรวมก็อีกความรู้สึกหนึ่ง

เมื่อถามว่า เห็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนออกสื่อแล้วถือว่าพอไปได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวทันทีว่า ไปได้ดีแน่นอน เพราะตนรู้จักนายณัฐพงษ์มานานมาก ตั้งแต่เริ่มทำการเมืองด้วยกัน ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงหรือต้องฝาก เชื่อว่าเขาจะทำได้ดีแน่นอนอยู่แล้ว และมาวันนี้ ก็ต้องแนะนำว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรีของพรรคประชาชน ซึ่งตนมาช่วยหาเสียงในนามผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน คงต้องปราศรัยถึงนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคฯด้วย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ถึงการทำงานแบบไร้รอยต่อ ทั้งในสภาและในพื้นที่

ส่วนคนยังติดภาพนายพิธา เป็นคนนำทัพพรรคอยู่ นายพิธา กล่าวว่า“โอ้ย ผมว่าไม่จริงเลยครับ” จากตัวเลข สถิติหรือการตอบรับจากประชาชน ก็สะท้อนอยู่แล้วว่าไม่ได้ยึดติดกับตน และไม่มีอะไรต้องแนะนำ เพราะปกติ เขาจะเป็นคนแนะนำตน  ส่วนทั้งนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธิ์ สนิทสนมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทำให้นายธนาธร อาจมีบทบาทมากขึ้นในพรรคประชาชน นั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกคนสนิทกันหมด 3 ท.ทหาร ด้วยการทำงานอย่างหนัก การแลกเปลี่ยนกันจนกลายเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวของนายณัฐพงษ์ กับครอบครัวของตนก็สนิทกัน จนกลายเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่าใครจะมาเพิ่มบทบาท เพราะพรรคนี้มันทำงานเป็นทีมกัน

เมื่อถามย้ำว่า หากพูดถึง 3 ท. กังวลหรือไม่ว่า ท.ที่ 3 จะโดนทุบทำลาย นายพิธา ตอบว่า ไม่กังวลแต่ไม่ประมาท ตอนแรกก็คิดในลักษณะสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่า ยังมีความพยายามที่จะทำลายล้างกันอยู่ ดาบสองก็ยังมีโอกาสตัดสิทธิ์ตน จากกรณี สส. 44 คน ถูกร้องในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. )ซึ่งมีโทษตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องทำความเข้าใจและต่อสู้ให้เห็นว่าในฐานะผู้เสนอกฎหมาย ในฐานะ สส.เป็นเรื่องปกติ และแน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาด แต่เราก็เตรียมตัวให้หนักกว่าเดิม

นายพิธา กล่าวว่า อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ไม่กังวลกรณี 44 สส.จะทำให้พรรคประชาชนไปได้ไม่ถึงปีนั้น ซึ่งกระบวนการเตรียมการ เข้าไต่สวน ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าก่อนที่ลงรายละเอียดไปถึงภาพย่อย เราต้องดูภาพใหญ่ก่อน ว่าเวลาเราลงโทษใคร ต้องดูที่ความผิด กับสัดส่วนของโทษ ถ้าฐานความผิด หมิ่นประมาท ลักขโมย ยาเสพติด แล้วโทษที่ได้รับเป็นประหารชีวิต ตรงนี้มันไม่ได้สัดส่วนกัน ถ้าเกิดจะบอกว่าผิดมันผิดที่จริยธรรม คราวนี้จริยธรรมของตน จริยธรรมของเขา หรือจริยธรรมของคนที่อยู่ในที่นี้ มันไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่ได้ตัดสินอย่างตรงไปตรงมาได้ แทนที่จะตัดสิทธิ์กันตนก็เห็นว่ามันไม่ยุติธรรม กับเพื่อน สส.ในอดีตหลายคนที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เขาผิดแค่นี้ แล้วเล่นแบบนี้ ไม่มีกฎหมายเอาผิดพวกเขาได้ด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นตำรวจจริยธรรม มันทำให้สังคมอันตราย

ส่วนคำตัดสินคดียุบพรรค จะทำให้เป็นเชื้อเพลิงให้คดีที่ให้ ป.ป.ช.ฟันได้เร็วขึ้นนั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องไปดูคำวินิจฉัยของตุลาการทั้ง 9 ท่าน ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ อย่างไรก็ตามการพรรคประชาชนประกาศไม่ลดเพดานแก้ไขม.112 จะทำให้พรรคเดินไปยากหรือไม่นั้นตนตอบแทนพวกเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่าเขามีคำตอบ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img