นายกฯ เผย ไม่ปรับ ครม.เดือนนี้ ระบุ พรรรวมไทยสร้างชาติส่งชื่อขอปรับ ครม. มาแล้ว และไม่มีแผนสำรองรองรับคำตัดสินของศาล รธน.พรุ่งนี้ ยันไม่ได้คิดเรื่องยุบสภา ย้ำวางแผนงานถึงสิ้นเดือน เพราะต้องทำหน้าที่นายกฯ ชี้ หากไม่ได้ทำต่อ นายกฯ รักษาการก็สามารถสานงานต่อได้ทันที
เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมวใพาณิชย์หารือกับบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา มีความคืบหน้าเรื่องปรับ ครม.หรือไม่ ว่า ไม่มี ยังไม่มีการส่งสัญญาณใด ๆ แต่ยอมรับว่า พรรครวมไทยสร้างชาติได้ส่งหนังสือมาเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างที่ตนได้บอกไปว่า เดือนสิงหาคมนี้มีเรื่องเยอะ ต้องให้เกียรติก่อน ถ้าจะไปปรับตอนนี้คงไม่มีความเหมาะสม
ส่วนจะมีการปรับหลังเดือนสิงหาคมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมีการพูดคุยกันอีกที ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ที่มีรัฐมนตรีบางคนที่น้อยใจและลาออกไป ถ้าเสนอเข้ามาจะอยู่ตรงไหน และเกิดปัญหาเดิมอีกหรือไม่ เราอยู่ด้วยกันต้องพูดคุยกัน
นายกฯ กล่าวต่อว่า ในการประชุมครม. ไม่มีการพูดคุยเรื่องการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ และตั้งแต่วันที่ได้ส่งคำแถลงปิดคดีไปก็ไม่ได้พูดคุยกับนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีอีก ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และในวันพรุ่งนี้จะมอบให้นายแพทย์พรพรหมมินทร์ เลิศสุรีย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปฟังแทน โดยในวันพรุ่งนี้ ตนเองมีภารกิจงานที่ทำเนียบรัฐบาลตลอดทั้งวัน โดยไม่ได้มีการตั้งวอรูมแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯจะมีการติดตามรับฟังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่เริ่มเลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเองมีประชุมภายในกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินในทำเนียบ ซึ่งทีมงานตนคงเข้ามาแจ้งเป็นระยะ ๆ อยู่แล้ว ส่วนกรณีหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้วไม่ได้ไปต่อนั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้คิดเรื่องแผนสำรองไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า หากเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ก็สามารถยุบสภาได้ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้คิดเรื่องเรื่องนี้ ให้มันเกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า ดูเหมือนนายกรัฐมนตรี มีความมั่นใจพอสมควรเกี่ยวกับคำตัดสินของศาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่ครับ ตนเองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องต่าง ๆ ที่ทางสำนักข่าวไปวิจารณ์ว่า ตนนั้นน่าเศร้า ก็เพราะทางด้านตนนั้นเพิ่งจะเสียคุณแม่ไป ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าเป็นธรรมดา หรือแม้ว่าบางคนก็กล่าวว่าตนนั้นมั่นใจมากมีการไปเตรียมการประชุมออกวาระตรางถึงสิ้นเดือน เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องบริหารราชการแผ่นดิน มีการเตรียมงานความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนก็ต้องมีการเตรียมไป โดยถ้าผลออกมาเป็นบวกกับตน ตนก็ต้องเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ถ้าผลมาเป็นลบทางด้านรักษาการนายกรัฐมนตรี ก็นำเอาแผนงานที่ตนได้เตรียมไว้ ไปพิจารณาปรับปรุงตามความเหมาะสม
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของการทำงานแบบทั่ว ๆ ไปมากกว่า ไม่ได้เป็นการแสดงออกถึงความมั่นใจ หรือไม่มั่นใจอย่างไร ซึ่งตนเองนั้นทำดีที่สุดแล้วเราได้มีการ Submit closing statement ไปแล้วเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าทางด้านแผนงานที่นายกรัฐมนตรีได้เตรียมไว้สามารถที่จะดำเนินการต่อหรือต้องมีการพิจารณาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนนั้นเตรียมงานไม่ใช่เป็นความต้องการของตน ตนนั้นได้เตรียมงานตามปัญหาของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าถ้าหากตนนั้นหลุดจากตำแหน่งทางด้านรักษาการนายกรัฐมนตรีก็ต้องมาดูและพิจารณาตามลำดับความสำคัญที่เห็นว่าเหมาะสม ซึ่งอย่างน้อยถ้าหากทางด้านรักษาการนายกรัฐมนตรีเข้ามาแล้วนั้นก็จะรับทราบว่าดำเนินการอะไรไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ในส่วนทางด้านภาคเอกชนหากนายกรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งจะมีผลการที่ทางด้านนายกรัฐมนตรีเคยเดินทางไปพูดคุยกับทางต่างชาติในเรื่องการลงทุนต่าง ๆ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวนั้นตนเองไม่ทราบ และในเรื่องของกระแสของทางด้านการลงทุนโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า เทสล่ามีการปรับแผนงานในประเทศไทย ทางด้านทีมงานก็ยังดำเนินการคุยอยู่ เพราะในปัจจุบันนี้ความอ่อนไหวของทางด้านตลาดความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าEV ก็มีสูง ตนเองเข้าใจว่าที่มีการพูดคุยในการลงทุนก็มีการเลือกประเทศอินดียเช่นเดียวกัน เพราะทางประเทศอินเดียมีความต้องการสูงมาก และหากจะมีการลงทุนสร้างคือประเทศไทย ตนเองทราบเพียงแค่นี้
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าก่อนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ทางด้านนายกรัฐมนตรีมีอะไรอยากจะกล่าวพูดกับทางด้านประชาชนหรือสื่อในสิ่งที่ทางนายกรัฐมนตรีอยากพูดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ตนเองได้แจ้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในวันนี้มีการทำอะไรไปแล้ว ซึ่งในช่วงบ่ายก็มีวาระงานอยู่ก็ทำงานต่อเรื่อย ๆ