สนข.เตรียมชงสศช.-ครม.ออกมาตรการจำกัดเวลารถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แก้ปัญหามลพิษทางอากาศ-การจราจร
รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แจ้งว่า สนข.เตรียมเสนอแผนพัฒนาโครงสร้างคมนาคม เพื่อรองรับมาตรการจำกัดเวลารถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบภายในเดือนก.ย.นี้ ก่อนเสนอไปยังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)พิจารณาอีกครั้ง
หลังจากนั้นภายในเดือน ธ.ค.2567 จะนำเสนอแผนพัฒนาดังกล่าวไปยังคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อพิจารณามาตรการจำกัดเวลารถบรรทุกเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่าภายในเดือน มี.ค.2568 จะเสนอแผนปฏิบัติการด้านพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับมาตรการจำกัดเวลารถบรรทุกเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการต่อไป
สำหรับการบริหารจัดการรถบรรทุกในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลในเบื้องต้น แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่
1. ระยะเตรียมการ (ปี 2566 – 2570) อนุญาตให้รถบรรทุกทุกชนิด เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาฯ ในช่วงเวลา 21.00 – 06.00 น.
2. ระยะสั้น (ปี 2571 – 2575) เหมือนกับระยะเตรียมการ และห้ามรถบรรทุก Diesel ต่ำกว่า EURO 5 เข้าพื้นที่สีส้มในช่วง 06.00 – 10.00 น. และ 15.00 – 21.00 น. ทุกวัน เว้นวันหยุดราชการ
3. ระยะกลาง (ปี 2576 – 2580) อนุญาตให้เฉพาะรถบรรทุก EURO 5 ขึ้นไป, EV TRUCK และรถบรรทุกพลังงานสะอาด เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาฯ ในช่วงเวลา 21.00 – 06.00 น.
– พื้นที่สีส้ม อนุญาตให้เฉพาะรถบรรทุก EURO 5 ขึ้นไป, EV TRUCK และรถบรรทุกพลังงานสะอาด เข้าพื้นที่สีส้ม ในช่วง 10.00 –15.00 น. และ 21.00 – 06.00 น. ส่วนรถบรรทุก Diesel ต่ำกว่า EURO 5 เข้าพื้นที่สีส้มได้เฉพาะช่วงเวลา 21.00 – 06.00 น.
– พื้นที่สีม่วง อนุญาตให้เฉพาะรถบรรทุก EURO 5 ขึ้นไป, EV TRUCK และรถบรรทุกพลังงานสะอาดเข้า พื้นที่สีม่วง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนรถบรรทุก Diesel ต่ำกว่า EURO 5 เข้าพื้นที่สีม่วงได้เฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น. และ ช่วงเวลา 21.00 – 06.00 น.
4. ระยะยาว (ปี 2581 – 2585) อนุญาตให้เฉพาะรถบรรทุก EURO 5 ขึ้นไป, EV TRUCK 62 และรถบรรทุกพลังงานสะอาด เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาฯ ในช่วงเวลา 21.00 – 06.00 น.
– พื้นที่สีส้ม อนุญาตให้เฉพาะรถบรรทุก EURO 5 ขึ้นไป, EV TRUCK และรถบรรทุกพลังงานสะอาด เข้าพื้นที่สีส้มในช่วง 10.00 – 15.00 น. และ 21.00 – 06.00 น.
– พื้นที่สีม่วง อนุญาตให้เฉพาะรถบรรทุก EURO 5 ขึ้นไป, EV TRUCK และรถบรรทุกพลังงานสะอาด เข้าพื้นที่สีม่วง ได้เฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น. และ 21.00 – 06.00 น. ส่วนรถบรรทุก Diesel ต่ำกว่า EURO 5 เข้าพื้นที่สีม่วง ได้เฉพาะช่วงเวลา 21.00 – 06.00 น.
– พื้นที่สีเทา อนุญาตให้เฉพาะรถบรรทุก EURO 5 ขึ้นไป, EV TRUCK และรถบรรทุกพลังงานสะอาด เข้าพื้นที่สีเทา ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนรถบรรทุก Diesel ต่ำกว่า EURO 5 เข้าพื้นที่สีเทาได้เฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น. และ 21.00 – 06.00 น.
สำหรับพื้นที่รองรับรถบรรทุก สนข.ศึกษาจะพัฒนา ประกอบด้วย สถานีเปลี่ยนถ่ายและกระจายสินค้า : เชียงรากน้อย, นครชัยศรี, พระรามที่ 2, บางนา – ตราด จุดพักรถบรรทุก : นครชัยศรี, พระรามที่ 2, วังน้อย, บางนา – ตราด
นอกจากนี้ข้อมูลจากข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก พบว่าสถิติจดทะเบียนรถบรรทุกที่ให้บริการในไทย ณ วันที่ 31 ก.ค.2567 มีจำนวนรวมกว่า 1.2 ล้านคัน โดยแบ่งเป็น ประเภทรถไม่ประจำทาง จำนวน 4.2 แสนคัน และประเภทรถส่วนบุคคล จำนวนกว่า 8.2 แสนคัน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและปัญหาที่พบบ่อยครั้งคือ
- มลพิษทางอากาศ การขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก 76% เป็นรถบรรทุกที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซล ส่งผลกระทบต่อปัญหามลพิษทางอากาศและสุขภาพของประชาชนในเขตเมืองโดยรวม
- ความปลอดภัยทางถนน โดยมีจุดพักรถบรรทุกที่เป็นมาตรฐานเพื่อรองรับรถบรรทุกตามเส้นทางขนส่งสินค้าหลักยังมีไม่เพียงพอ ผู้ขับรถบรรทุกต้องจอดพักรถตามพื้นที่ริมทางหลวง หรือจอดบริเวณจุดห้ามจอด ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุทางถนน
- การขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งที่จำเป็นเพื่อรองรับระบบโลจิสติกส์ โดยปริมาณเที่ยวการขนส่งสินค้าทางบกด้วยรถบรรทุกมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าและสถานีเปลี่ยนถ่ายและกระจายสินค้า ในพื้นที่ชานเมืองกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไม่มีเพียงพอต่อต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า
- ปัญหาการจราจร การขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในเขตเมือง ลดความคล่องตัวของการจราจรโดยรวม เพิ่มต้นทุนการขนส่งสินค้าแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียประโยชน์ทางด้านรายได้ของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกอย่างเหมาะสม
- ต้นทุนการขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งเพื่อรองรับกิจกรรมโลจิสติกส์การขนส่งสินค้าที่ชาดประสิทธิภาพและกิจกรรมการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกที่เชื่อมระบบการขนส่งอื่นๆ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เพิ่มต้นทุนการขนส่งสินค้าแก่ผู้ประกอบการและเกิดผลกระทบจากการสูญเสียประโยชน์ทางด้านรายได้ของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก