“สุรพงษ์” เผยยอดการผลิตรถยนต์เดือนก.ค.อยู่ที่ 124,829 คัน ลดลง 16.62% รับผลกระทบจากยอดขายในประเทศวูบ หลังแบงก์คุมเข้มสินเชื่อ-หนี้ครัวเรือนสูง
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตเดือนก.ค. 2567 มีทั้งสิ้น 124,829 คัน ลดลง 16.62%หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะผลิตขายในประเทศลดลง 40.85% ตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงจากการเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.7.34%
สำหรับการผลิตเพื่อส่งออกเดือนก.ค. 2567 ผลิตได้ 87,538 คัน เท่ากับ 70.13% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 1.01% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนก.ค.อยู่ที่ 37,291 คัน เท่ากับ 29.87% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 40.85%หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนจำนวนรถยนต์ที่ผลิตทั้งหมดใน 7 เดือน (ม.ค.- ก.ค.) มีจำนวนทั้งสิ้น 886,069 คัน ลดลง 7.28% หากเทียบกับช่วงเดียวกันชของปีก่อน โดยผลิตเพื่อส่งออกได้ 603,721 คัน เท่ากับ 68.13% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลด 2.20% ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 282,348 คัน เท่ากับ 31.87% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 37.80%หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนก.ค.มีจำนวนทั้งสิ้น 46,394 คัน ลดลง 20.58 % เพราะการเข้มงวดในการให้สินเชื่อโดยเฉพาะรถกระบะและรถบรรทุกจากความกังวลเรื่องหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 91% ของ GDP ของประเทศและเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำในอัตรา 1.5% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 จากงบประมาณรายจ่ายปีที่ล่าช้า สำหรับมูลค่าการส่งออกรถยนต์ ที่ 56,397.87 ล้านบาท ลดลง 16.56% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนก.ค. จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,332 คัน เพิ่มขึ้น 20.68% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 191,414 คัน เพิ่มขึ้น 133.82% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“สถาบันทางการเงิน ยังคงมีความเข้มงวดในเรื่องของหนี้เสีย โดยหนี้เสียสะสมกลุ่มยานยนต์ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 อยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท ถือว่าโตกว่าปีที่ผ่านมา 29.7% ที่มียอดสะสมที่ 1.9 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม หวังว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถจัดตั้งได้เสร็จโดยเร็ว เพื่อเร่งบริหารจัดการงบประมาณปี 2567-2568 ได้ทันในเดือนต.ค. 2567 นี้ เพื่อให้เกิดการลงทุนมากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจ้างงาน เพิ่มกำลังซื้อ มีเงินหมุนเวียนมากขึ้น โดย ส.อ.ท. กลุ่มยานยนต์ยังคงจับตานโยบายที่รัฐบาลใหม่ โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะแถลงภายหลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วเสร็จ”
นอกจากนี้ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมว่าจะนานแค่ไหน อีกทั้งข้อมูลการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี นี้ น่าจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี และการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม 2% แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ