“…..ภาพรวมเสถียรภาพของเมียนมาตั้งแต่รัฐยะไข่ยาวไปจนถึงรัฐฉานเหนือยังถือว่าไม่ดีขึ้น ขณะที่เส้นทางนี้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของจีน ..”
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 31 ส.ค.67 สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า จีนปิดพรมแดนทางตอนเหนือของรัฐฉานกับเมียนมา เพื่อกดดันกองกำลังชาติพันธุ์เมียนมา ให้เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพ โดยรัฐบาลจีน ต้องการให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมายุติการสู้รบ และเข้าสู่โต๊ะเจรจา นอกจากนี้ การปิดพรมแดนอาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของจีนในการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค และปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนในเมียนมาไปพร้อมด้วย
@@@…….จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์การสู้รบในเมียนมาในพื้นที่พรมแดนติดกับจีน ยังคงคลุมเครือไม่ได้คลี่คลายลง และหลังจาก นางหม่าเจีย เอกอัครราชทูตจีนคนใหม่ เข้ารายงานตัวต่อ พล.อ.อาวุโส มินอ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เมื่อต้นเดือน ส.ค.67 ประกอบกับ นางหม่า เจีย เอกอัครราชทูตจีนประจํา เมียนมา ได้เดินทางไปพบปะกับ พล.ร.อ.ทินอ่องซาน รองนายกรัฐมนตรี /รมว.กลาโหมเมียนมา ณ ห้องรับรองสํานักงานรฐัมนตรี สภาบริหารแห่งรัฐ SAC กรุงเนปยีดอ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.67 ที่ผ่านมา เพื่อหารือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือ ด้านการป้องกันประเทศที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างเมียนมาและจีน รวมถึงเสถียรภาพ และความมั่นคงของพื้นที่ชายแดน ตลอดจนการฝึกอบรม และการศึกษาของกําลังพลในกองทัพของทั้ง 2 ประเทศ และขอให้ทหารเมียนมาปกป้องผลประโยชน์ธุรกิจของจีนในเมียนมา เป็นต้นนั้น
@@@…….ก่อนหน้านี้ นายหวัง อี้ รมว.กระทรวงการต่างประเทศจีน เดินทางเยือนเมียนมา และพบปะกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เมื่อวันที่ 15 ส.ค.67 เพื่อหารือประเด็นความมั่นคง และอื่นๆ แต่กระนั้นก็ตาม ผ่านมาได้สัปดาห์เดียว จีนจัดกำลังทหารให้มีการลาดตระเวนรบ รวมทั้งการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง และสั่งปิดด่านชายแดนที่ กกล.กองกำลังต่างๆ ควบคุมในพื้นที่รัฐบฉานเหนือหลายจุด เริ่มตั้งแต่ กกล.หว้า ด่านน้ำตึก กกล.โกกั้ง MNDAA และ กกล.ตะอาง TNLA ด่านน้ำคำ เรียกว่า งานนี้ปิดแนวพรมแดนสนิดไม่ให้ผ่านเข้า-ออก และกองทัพจีน บก.ภาคใต้ ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ได้จัดซ้อมรบร่วมระหว่างกองทัพบกและกองทัพอากาศ โดยใช้กระสุนจริงตามแนวชายแดนของมณฑลยูนนาน ทาง ตต./ต.ของจีน ติดกับชายแดนรัฐฉานเหนือ ในช่วงปลายเดือน ส.ค.67 โดยอ้างว่า ต้องการทดสอบศักยภาพของกองทัพจีนในการปกป้องแนวชายแดน แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว เป็นปฏิบัติการสถาปนาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนนั่นเอง
@@@…….ทั้งนี้ ในห้วงเวลาเดียวกัน กองทัพอาระกัน AA อ้างว่า สามารถควบคุมเมือง หม่องดอ ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ได้เกือบทั้งหมด และยึดสถานีตำรวจได้เพิ่มอีก 1 แห่ง โดยสามารถควบคุมตัว ตำรวจ 8 นาย พร้อมอาวุธ ขณะที่กองทัพเมียนมาปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเมืองหม่องดอ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.67 เพื่อสกัดกั้นการรุกคืบของ AA ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการสู้รบที่เมืองหม่องดอ ได้รับความสนใจจากประชาคมระหว่างประเทศอย่างมาก ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.67 เนื่องจากมีชาวโรฮิงญาในพื้นที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยนักเคลื่อนไหวชาวโรฮิงญา กล่าวโทษว่าเป็นเพราะการโจมตีของกองทัพอาระกัน AA ขณะที่ AA ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และอ้างว่า ได้แจ้งให้พลเรือนในเมืองอพยพออกจากพื้นที่ไปก่อนแล้ว หากใครยังอยู่ในเมืองจะถือว่าเป็นกลุ่มที่สนับสนุนกองทัพ และกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญา อย่างไรก็ตาม หนึ่งในชาวโรฮิงญาจากเมืองหม่องดอที่ลี้ภัยไปบังกลาเทศให้ข้อมูลว่า ชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในรัฐยะไข่ มีสาเหตุมาจากรัฐบาลเมียนมาห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงบ้าน และทรัพย์สิน
@@@……ภาพรวมเสถียรภาพของเมียนมา ตั้งแต่รัฐยะไข่ ยาวไปจนถึงรัฐฉานเหนือ ยังถือว่าไม่ดีขึ้น ขณะที่เส้นทางนี้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของจีน สำหรับการเคลื่อนย้ายทรัพยากร สินค้า และบริการจากท่าเรือในรัฐยะไข่ เข้าสู่พื้นที่จีนตอนใต้ชั้นใน ดังนั้น การสู้รบบนเส้นทางนี้ จึงเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของจีนมาพร้อมด้วย ซึ่งจีนจำเป็นต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเร็วก่อนที่จะมีชาติอื่นเข้ามาแทรกแซง .. อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคง มองว่า จากกรณีที่ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน People’s Liberation Army – PLA ใช้กำลังปิดพรมแดน และได้จัดการฝึกซ้อมลาดตระเวน รวมทั้งการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง บริเวณใกล้เมืองรุ่ยลี่ เมืองเจิ้งคัง และเมืองเกิ๋งหม่า มณฑลยูนนานของจีน ในพื้นที่ชายแดนด้านมณฑลยูนนาน-รัฐฉาน ในช่วงปลายเดือน ส.ค.ถึงต้นเดือน ก.ย.นั้น มีขึ้นภายหลังจากที่ นายหวัง อี้ รมว.กต.จีน เดินทางเยือนเมียนมา และพบปะกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เพื่อกระชับความร่วมมือทวิภาคีในเมียนมา
@@@…….และการเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง Mekong-Lanchang Cooperation : MLC ครั้งที่ 9 ในไทย โดย นายหวังฯ ให้คำมั่นว่า จีนจะเป็นคนกลางในการสนับสนุน การเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยในเมียนมา และสนับสนุนแผนการที่จะทำให้เมียนมาออกจากวิกฤตความขัดแย้ง ที่ยังดำเนินอยู่ในทางการทูต และการซ้อมรบดังกล่าว อาจจะสะท้อนให้เห็นถึงความกังวล และความสำคัญทางยุทธศาสตร์รวมไปถึงผลประโยชน์ของจีนในพื้นที่รัฐฉานที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นัยสำคัญอาจเป็นการส่งสัญญาณให้ทราบว่า จีนนั้นให้การสนับสนุนรัฐบาลเมียนมา และ กกล.ชนกลุ่มน้อย ติดอาวุธบางกลุ่มที่ดูแลผลประโยชน์ให้จีน และยังเป็นการป้องปรามประเทศมหาอำนาจบางประเทศที่ให้การสนับสนุน กกล.กลุ่มต่อต้านฯ ในพื้นที่รัฐฉานอีกด้วย ซึ่ง ฝ่ายความมั่นคง ยังคงเชื่อว่า หากจีนทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมายุติการสู้รบ และเข้าสู่โต๊ะเจรจาให้สำเร็จได้จริงแล้ว สถานาการณ์การสู้รบในเมียนมา น่าจะคลี่คลายลงได้ในที่สุด ซึ่งฝ่ายความมั่นคงจะได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่องต่อไป
@@@……ที่กระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ในพื้นที่ภาคเหนือ และผ่านสื่ออิเล็กโทรนิกส์ไปยังหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพ โดยให้ ศบภ.สป., ศบภ.บก.ทท. และ ศบภ.เหล่าทัพ ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนจากเหตุอุทกภัย สรุปได้ดังนี้ 1) ติดตามสถานการณ์และวิเคราะห์ผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด 2) จัดเตรียมความพร้อมของเครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ ของหน่วยบรรเทาสาธารณภัยในทุกระดับ ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยทันที 3) ประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมการอพยพประชาชน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัย รวมทั้งการเคลื่อนย้ายสิ่งของไปในที่สูง
@@@……4) ขอให้หน่วยทหารประสานงานและติดตามสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที รวดเร็ว ทั่วถึง และต่อเนื่อง รวมทั้งทรัพย์สินข้าวของเครื่องใช้และสัตว์เลี้ยงในพื้นที่รับผิดชอบตามการแบ่งมอบตามแผนบรรเทาสาธารณภัย กห. ๒๕๖๔ รวมทั้งประสานการช่วยเหลือกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อลดความซ้ำช้อนในการเข้าให้การช่วยเหลือ 5) สนับสนุนฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยให้กลับคืนสู่สภาพที่สามารถดำรงชีพได้อย่างปลอดภัย หรือกลับเข้าพักอาศัยในที่พักของตนได้ อาทิ ทำความสะอาดบ้านเรือน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ประชาชน ตามพื้นที่รับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย 6) ให้ทุกหน่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบในทุกช่องทาง 7) ให้ ผบ.ทุกหน่วยทุกระดับ ดูแลกำลังพลที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ ทั้งด้านสุขภาพและความปลอดภัย และ 8) ให้ ศบภ.บก.ทท. และ ศบภ.เหล่าทัพ รวบรวมปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง รายงานต่อ ศบภ.กห. ต่อไป
@@@……ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สวราชย์ แสงผล หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำผู้บังคับบัญชา เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก รับมอบหนังสือและสื่อการเรียนรู้ มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท จากบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีคุณกนิษฐ์ พรหมเสน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานผลิตหนังสือทั่วไป พร้อมด้วยคณะกรรมการและทีมงาน เป็นผู้แทนส่งมอบ ทั้งนี้ เพื่อแบ่งปันส่งต่อหนังสือให้กับโรงเรียนในโครงการทหารพันธุ์ดี “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” จำนวน 293 โรงเรียน และส่วนการศึกษาในกำกับดูแลของ ทบ. อาทิ โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ มีจำนวน 15 โรงเรียน, โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ, โรงเรียนของหน่วยทหาร เป็นต้น และสนับสนุนในโครงการ “ถุงยังชีพเพื่อการศึกษา” ที่กองทัพบกได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา กองทัพบกและซีเอ็ดได้ร่วมส่งมอบหนังสือและสื่อการเรียนรู้ สนับสนุนการเรียนการสอนให้กับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โรงเรียนในโครงการทหารพันธุ์ดี “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” และโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มาอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมให้น้องๆ มีความรู้และทักษะรอบด้าน สามารถนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ในอนาคต
@@@……ที่กองทัพเรือ….พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เรียกประชุมผู้บังคับหน่วยของกองทัพเรือ ในพื้นที่ต่างๆ ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อรับทราบถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ พร้อมทั้งตรวจสอบความพร้อมของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เพื่อเตรียมแผนในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ ซึ่งจากอุทกภัยขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้มีกระแสน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรจนมีผู้ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของหน่วยกองทัพเรือในทุกพื้นที่ ดำเนินการสำรวจความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์น้ำ ในพื้นที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือ รวมถึงเพื่อแจ้งเตือนประชาชน ตลอดจนจัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนได้อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเตรียมบรรจุกระสอบทราย การจัดถุงยังชีพ การจัดโรงครัวพระราชทาน และครัวสนามเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนกับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ
@@@……นอกจากนั้น ชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำ ได้มีการสนับสนุนเรือผลักดันน้ำ ในการระบายน้ำในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ โดยปัจจุบันได้มีการติดตั้งที่จังหวัดนครนายกและเตรียมพร้อมพร้อมให้การสนับสนุนจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ โดยพร้อมให้การสนับสนุนในทันทีที่ได้รับการร้องขอ ทั้งนี้ เรือผลักดันน้ำ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง เป็นบึง และเป็นคอขวด ซึ่งเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบาก และไหลออกได้ช้า ในขณะที่ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้จัดกำลังพล ร่วมกับชาวจันทบุรี ในการบรรจุถุงยังชีพ เพื่อส่งมอบแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือทิศรับความเดือดร้อนจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น และในช่วงบ่ายวันนี้ ฐานทัพเรือกรุงเทพได้จัดให้มีการบรรจุกระสอบทราย เพื่อเตรียมความพร้อมสนับสนุนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
@@@……ด้าน ทัพเรือภาคที่ 2 ได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วออกสำรวจพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันในช่วงฤดูมรสุม พร้อมดำเนินการประชาสัมพันธ์ช่องทางการขอรับการช่วยเหลือให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ นอกจากนั้นยังได้จัดกำลังพลเร่งบรรจุกระสอบทรายเพื่อเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมขัง ในขณะที่ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้มีการตรวจความพร้อมของชุดบรรเทาสาธารณภัย USAR team ชุดค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง เพื่อให้ความช่วยเหลือกับประชาชน ที่ได้รับเดือดร้อนจากอุทกภัย ได้อย่างทันท่วงทีสำหรับในพื้นที่จังหวัดหนองคาย หน่วยเรือรรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตหนองคาย จัดเตรียมกำลังพล, วัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งกระสอบทรายกั้นนัำ ในขั้นการเตรียมการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย หากน้ำในลำแม่น้ำโขงเพิ่มระดับสูงถึงขั้นวิกฤติ รวมถึงจัดกำลังพลเข้าสำรวจพื้นที่บริเวณบริเวณที่เคยเกิดน้ำท่วมสูงเพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดระดับน้ำสูงขึ้นอีก กองทัพเรือ ยังคงเตรียมความพร้อม ทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ที่จะให้การสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ 1696 ตลอด 24 ชั่วโมง
…………………………………………
คอลัมน์ : “Military Key”
โดย.. “รหัสมอร์ส”