“เงินบาทแข็งโป๊ก” นำโด่งในภูมิภาค จับตาประชุมเฟดหั่นดอกเบี้ยพยุงเศรษฐกิจ

“กูรู”ประเมินเงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จับตาประชุมเฟดหั่นดอกเบี้ยพยุงเศรษฐกิจ เปิดสถิติตั้งแต่ 1 ก.ย.-13 ก.ย.เงินบาทแข็งขึ้นแท่นอันดับ 1 ในภูมิภาค

น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทในสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยประเด็นที่ติดตามคือการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ว่า จะประเดิมวัฎจักรการลดดอกเบี้ยด้วยขนาด 0.25% หรือ 0.50% ขณะที่ตลาดค่อนข้างก้ำกึ่งเกี่ยวกับการประชุมที่สำคัญรอบนี้

อีกทั้งยังต้องจับตาประมาณการดอกเบี้ยโดยเจ้าหน้าที่เฟด (dot plot) รวมถึงประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อชุดใหม่ อนึ่งคาดว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะตอบสนองอย่างผันผวนต่อทั้งผลประชุมและโทนการสื่อสารของประธานเฟด นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางญี่ปุ่นที่นักลงทุนให้ความสนใจเช่นกัน

สำหรับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคตั้งแต่ 1 ก.ย.-13 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า  สกุลเงินส่วนใหญ่แข็งค่า นำโดย บาท-ไทย 1.61% รองลงมาเป็นดอง-เวียดนาม 1.29%  วอน-เกาหลีใต้ 1.22% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.27%  ริงกิต-มาเล เซีย 0.41 % รูเปียห์-อินโดนีเซีย 0.38% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.21% ยกเว้น ดอลลาร์-ไต้หวันอ่อนค่า  0.17%   หยวน-จีนอ่อนค่า 0.13%  รูปี-อินเดียอ่อนค่า 0.06% 

ส่วนสาเหตุที่เงินบาทเดือนก.ย.ยังคงแข็งค่าร้อนแรงต่อเนื่อง โดยวันนี้แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง (ตั้งแต่ ก.พ. 66) ที่ 33.25บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่ไม่ถดถอยรุนแรง กระแสเงินทุนไหลเข้า และราคาทองคำในตลาดโลกที่ทำจุดสถิติสูงสุดครั้งใหม่ อย่างไรก็ดี การที่เงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าสกุลเงินคู่แข่งและคู่ค้า และเกินปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ อาจใกล้ถึงจังหวะจบรอบสั้นและพักตัวขึ้นไปอ่อนค่าได้ชั่วคราว ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 ก.ย.-12 ก.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 2.3 หมื่นล้านบาท และพันธบัตรไทยสุทธิ และ 1.1 หมื่นล้านบาท