‘ศิริกัญญา’ จี้ถามความชัดเจน แจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อไร-กี่ครั้ง-กี่คน-กี่บาท เลื่อนถึงเมื่อไร จะได้ไม่ให้คนเกิดความหวังลมๆแล้งๆ ‘จุลพันธ์’ แจง เฟสถัดไปกลุ่มที่เหลือเดือน ต.ค.ประกาศสิทธิ ยืนยันทำ ‘วอลเล็ต’ ปีหน้า
วันที่ 19 ก.ย.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ปรับเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลไม่แจ้งรายละเอียดที่ชัดเจนกับผู้ได้รับสิทธิ ทำให้เกิดความยุ่งยากและสร้างความเดือดร้อนกับประชาชน การลงทะเบียนในกลุ่มของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการก็ยังไม่มีความชัดเจน
“ขอให้ตอบชัดๆ ว่า จะแจกเมื่อไร กี่ครั้ง กี่คน และกี่บาท การเลื่อนครั้งนี้จะเลื่อนถึงเมื่อไร หากดูสถานการณ์การชี้วัดตัวไหนอีก ขอให้บอกให้ชัด ไม่ให้ประชาชนเกิดความหวังลมๆ แล้งๆ เป็นคนมีสิทธิ กลุ่มเปราะบางและไม่เปราะบาง รวม 40 ล้านคน แต่งบประมาณขณะนี้ มี 3.4 แสนล้านบาทเท่านั้น” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา ถามต่อว่า ระบบการชำระเงิน ที่เป็นหัวใจหลักของกระเป๋าเงิน ถูกยกเลิกการประกวดราคา 27 ส.ค. เพราะไม่มีบริษัทใดที่ยื่นเสนอราคา เท่ากับว่าระบบชำระเงินยังไม่เริ่มประกวดราคา และพิมพ์เขียวที่จะส่งให้ธนาคารพาณิชย์พัฒนาระบบ ยังไม่ทำ และไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า อุปสรรคที่จะไม่ได้จากดิจิทัลวอลเล็ต คือ การเข้าไม่ถึงบัญชีเงินฝากของบุคคล เพื่อกรองคนที่ได้สิทธิ ทำให้ต้องเลื่อนการประกาศสิทธิออกไปแบบไม่มีกำหนด
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า เหตุผลที่แจ้งรายละเอียดล่าช้า เพื่อรอกระบวนการทางกฎหมายที่ชัดเจน ส่วนการผูกพร้อมเพย์ ที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนนั้น ต้องขออภัย การผูกพร้อมเพย์ ผู้พิการที่ได้รับเงินรายเดือนและมีกระบวนการโอนเงินผ่านช่องทางที่สมบูรณ์ ส่วนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านราย มีผู้ได้สิทธิซ้ำผู้พิการ 1.1 ล้านราย และมี 1 ล้านรายที่ไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ ทั้งนี้ รัฐบาลจะเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ดีมากขึ้น
นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า สำหรับเฟสถัดไปในกลุ่มที่เหลือ ยืนยันทำ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เพื่อได้ประโยชน์ในวางโครงสร้างพื้นฐานของดิจิทัลของรัฐ ส่วนข้อท้วงติงต่อการผูกพันงบประมาณข้ามปี รัฐบาลมั่นใจว่าสามารถทำได้ แต่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาถูกร้องเรียนเกิดขึ้น เนื่องจากในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ไม่ใช่เป็นความเสี่ยงของรัฐบาลเท่านั้น แต่กระทบต่อปากท้องของประชาชน เพราะความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใดๆ สังคมไม่มั่นใจในการลงทุน การใช้สอย เป็นผลเชิงลบของระบบเศรษฐกิจ วิธีนี้จึงขจัดข้อสงสัยของฝ่ายค้านและสังคม ดังนั้น เชื่อมั่นให้ระบบเศรษฐกิจไทยเดินหน้าเข้มแข็ง
นายจุลพันธ์ ชี้แจงต่อคำถามขอความชัดเจนในโครงการและการลงทะเบียนว่า ในส่วนของเฟสสอง มีงบอยู่ที่ 1.87 แสนล้านบาท มีการลงทะเบียนแล้ว 36 ล้านคน แต่ยังไม่ได้คัดกรอง ต้องรอกระบวน 2-3 อย่าง ส่วนกลุ่มที่ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนมีประมาณ 4 ล้านราย โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง ดังนั้นตัวเลขที่ตรวจสอบแล้วจะเป็นตัวเลขที่ชัดเจน ทั้งนี้ งบที่มีอยู่ หากขาดอีกไม่มาก จะดำเนินการเพื่อจ่ายในทีเดียว แต่หากไม่พอ อาจจะแบ่งยอดจ่าย
“เดิมกระตุ้นครั้งเดียวก้อนใหญ่ เพื่อให้เป็นแรงกระแทกสูง เมื่อโครงการปรับเป็นระลอก ต้องรักษาแรงเหวี่ยงของเศรษฐกิจให้เดินหน้าเข้มแข็ง ดังนั้นต้องรอความชัดเจนของการลงทะเบียน เบื้องต้นจะอยู่ในกรอบเดือน ต.ค.” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ ยังชี้แจงต่อประเด็นการประกาศผู้ได้รับสิทธิว่า ระบบชำระเงิน คือ พีจีเอ ตนรับทราบแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งนี้ ตามที่มีคนบอกว่ามีการล็อกคนไว้แล้ว แต่เมื่อเกิดขึ้นจริง จะเห็นว่าไม่มีการล็อกและโปร่งใส การเปิดประมูลนั้นเลื่อนออกไป ส่วนการเชื่อมวอลเล็ตกลาง ต้องการเชื่อมธนาคารของรัฐ แต่ต้องเลื่อนเพราะเปลี่ยนรัฐบาล
“ตั้งเป้าเสร็จปลายปี แต่ต้องเลื่อนไปหลังปีใหม่ ยอมรับความจริงในกระบวนการของสภาฯ เลือกนายกฯ ตั้งกรรมการชุดใหม่ กระทบพัฒนาระบบในบางมิติ แต่การพัฒนาซอฟต์แวร์ของรัฐสามารถเดินหน้าต่อไป ซึ่งการพัฒนาระบบชำระเงินเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม จะเสร็จในเร็ววัน แต่ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้ข้อคิดไว้ คือ ต้องเพิ่มระยะเวลาทดสอบ ตรวจสอบให้ละเอียดว่าระบบเพย์เมนต์กลางไม่มีปัญหาด้านใดๆ” นายจุลพันธ์ กล่าว