“ไทยพีบีเอส” อีกแล้ว ออกแถลงการณ์ขอโทษ พร้อมตั้งกรรมการสอบ “ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าว” เผยแพร่เฟกนิวส์คนแพ้วัคซีน มีผื่นแดงเต็มตัว จนทำให้สังคมเข้าใจผิด
จากกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เตรียมแจ้งความเอาผิดผู้ใช้เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ รวม 3 ราย ในความผิดตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 รวมทั้งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง 1 ในผู้กระทำผิด เป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “กะทิ จ้า” พบว่า เป็นผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวเช้า สำนักข่าวไทยพีบีเอส ที่เผยแพร่ “เฟกนิวส์” แอบอ้างภาพของผู้ป่วยรายหนึ่งที่โรงพยาบาลหนองม่วง จ.ลพบุรี ที่มีอาการแพ้ยา ผื่นแดงเต็มตัว โดยบิดเบือนว่าเป็นผลข้างเคียงของวัคซีนซิโนแวคนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวไทยพีบีเอส ออกแถลงการณ์ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) เรื่อง นักข่าวไทยพีบีเอสโพสต์ข้อความบนบัญชี Facebook ส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า กะทิ จ้า มีเนื้อหาว่า…
ส.ส.ท. ต้องขอโทษและขอรับทุกคำติเตียนหรือคำกล่าวโทษต่างๆ จากการที่พนักงานตำแหน่งผู้ช่วยบรรณาธิการข่าว สังกัดสำนักข่าว โพสต์ข้อความบนบัญชี Facebook ส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า กะทิ จ้า ให้ข้อมูลและภาพเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลกระทบของผู้รับวัคซีนที่ไม่ถูกต้อง และทำให้สื่อมวลชนสังกัดอื่นใช้ข้อมูลและภาพจากบัญชีดังกล่าวไปเผยแพร่ซ้ำ จนทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลกระทบของผู้รับวัคซีน อันนำมาซึ่งความเสียหายต่อผู้เกี่ยวข้องและเกิดความเข้าใจผิดขึ้นในสังคมเป็นวงกว้าง
ส.ส.ท. ขอเรียนว่า แม้การโพสต์ข้อความหรือภาพของพนักงานของ ส.ส.ท. ดังกล่าว จะเป็นการโพสต์บนบัญชีส่วนบุคคลของพนักงานเอง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ ส.ส.ท. แต่การกระทำนั้น ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ ส.ส.ท. และกระทบต่อสาธารณะ ส.ส.ท. จึงไม่อาจจะละเลยต่อความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ต้องกำกับดูแลพนักงานในสังกัดของตนได้
จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นแล้ว โดยอาศัยข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของวิชาชีพเกี่ยวกับการผลิตและการเผยแพร่รายการ พ.ศ. 2563 และแนวปฏิบัติการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ลงวันที่ 28 กันยายน 2563 ที่ ส.ส.ท. ใช้เป็นหลักยึดในการดำเนินงานตลอดมา เพื่อให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดได้รับการเปิดเผย และตรวจสอบอย่างรอบด้าน อันจะนำมาซึ่งความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งนี้ ส.ส.ท. จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันนี้
ส.ส.ท. ขอน้อมรับทุกข้อตำหนิ และคำติเตียนเพื่อเป็นบทเรียนการทำงานที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้ต้องเกิดการขอโทษต่อสาธารณะขึ้นซ้ำอีกในอนาคต