วันจันทร์, กันยายน 30, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSย้อนรอยคดี“พระพิมลธรรม-เงินทอนวัด” คนกระชากผ้าเหลือง“ตายไม่ดี”สักราย!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ย้อนรอยคดี“พระพิมลธรรม-เงินทอนวัด” คนกระชากผ้าเหลือง“ตายไม่ดี”สักราย!

“เปรียญสิบ” ตอนจบปริญญาโททำวิทยานิพนธ์เรื่อง “การเมืองว่าด้วยปกครองคณะสงฆ์ ศึกษากรณีอธิกรณ์ อดีตพระพิมลธรรม” (อาจ อาสภเถร) สรุปผลมูลเหตุ “พระพิมลธรรม” ต้องติดคุกไว้ 3 ประการ คือ

หนึ่ง คณะสงฆ์มหานิกายขัดแย้งกันเอง

สอง เกิดความขัดแย้งระหว่างมหานิกายและธรรมยุต

สาม “พระพิมลธรรม” ต่อต้าน “พระศาสนโสภณ” (จวน อุฎฐายี) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ขึ้นสู่ตำแหน่งสังฆนายก และทั้งพระพิมลธรรม ฝักใฝ่ศัตรูทางการเมืองของ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์” นายกรัฐมนตรียุคนั้น

ก่อนตาย “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” เปรยกับคนใกล้ชิดว่า “กูไม่นึกเลยว่า พระผู้ใหญ่จะใช้เล่ห์ลิ้นขนาดนี้ ให้กูหายเสียก่อน จะให้ความเป็นธรรม จะไปกราบขอขมาโทษ..” แต่ต่อมาท่านเสียชีวิตก่อน โดยไม่มีโอกาสได้ไปขอขมา

ส่วนพระภิกษุที่ร่วมขบวนการ “กระชากจีวร” ในครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น

-สมเด็จพระสังฆราชปลด ได้สิ้นพระชมน์แบบปัจจุบันทันด่วน ลื่นในห้องน้ำ

-สมเด็จพระสังฆราชจวน ก็ได้สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในปี 2514

ที่ “มรณภาพ” แบบดีหน่อยคือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ หรือ “สมเด็จฟื้น” วัดสามพระยา ส่วน “เจ้าคุณไสว” พระวิสุทธาธิบดี วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ไม่ทราบว่าท่าน “มรณภาพ” อย่างไร??

“เปรียญสิบ” เล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง วันนี้แม้ “ในหลวง” จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าคืนความเป็นธรรมให้กับ “พระพรหมดิลก-พระพรหมสิทธิ” แล้ว แต่ยังเหลืออีก 1 รูปคือ “อดีตพระพรหมเมธี” และ “เจ้าคุณเทอด-เจ้าคุณสังคม” วัดสระเกศอีก 2 รูป

“เปรียญสิบ” มีกุมารทองย่านสนามหลวง มากระซิบว่า การกลับมาของ “อดีตพระพรหมเมธี” แม้จะเป็นความต้องการของ “บุคคลชั้นสูง” และ “สมเด็จพระสังฆราช”

แต่มีคน “ขัดขวาง” แน่นอน คนที่จะขวาง ต้องมิใช่ “บุคคลธรรมดา” ที่ขายพระเครื่องอยู่ตรงท่าพระจันทร์

คดี “เงินทอนวัด” กับคดี “พระพิมลธรรม” คล้ายคลึงกันคือ กลุ่มพระภิกษุคดีเงินทอนวัดเป็นปฎิปักษ์กับคณะสงฆ์บางกลุ่มและเป็นศัตรูทางการเมืองโดยมี “บุคคลผมขาว” เป็นหัวโจก

คดี “พระพิมลธรรม” คนที่ร่วมกระบวนการใส่ความเท็จและ “กระชากจีวร” ท่าน บางรูปบางคน “ตายโหง” ตายด้วยอุบัติเหตุบ้าง หรือตายแบบทุรนทุรายเพ้อบ้าง

อันนี้คือ “ผลกรรม” จากการกระชาก “ผ้าเหลือง” ของพระภิกษุผู้ทรงศีล

คดี “เงินทอนวัด” แม้จะมีคนในกระบวนการยุติธรรมมา “ขอขมา” ทั้งที่วัดสามพระยา และวัดสระเกศ แล้ว

แต่ “หลายคน” ที่ร่วมขบวนการ “หนีกรรม” ไม่พ้น

จำเหตุการณ์ “ตำรวจตายยกครัว” ได้หรือไม่ หรือจำเหตุการณ์ตำรวจระดับ “นายพล” ถูกยิงตายได้ไหม หรือแม้กระทั่ง “อัยการหญิงคนหนึ่ง” ก็ตายด้วยโรคร้ายได้หรือไม่ อดีตนายตำรวจใหญ่แม้จะไปขอขมาแล้ว ทุกวันนี้ชีวิตก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ ซ้ำเจอคดีใน ป.ป.ช.อีก กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนมี “ส่วนเกี่ยวข้อง” กับกระบวนการ “ใส่ร้ายพระทั้งสิ้น”

แม้กระทั่ง “ 3 พ.” ระดับสั่งการตัวแสบ ทุกวันนี้ แม้จะมี “ตัวตน” อยู่ในสังคม ก็เหมือนตายทั้งเป็น คนหนึ่ง  “อยู่ในตำแหน่ง” แต่ไม่ให้บทบาทอะไร คนที่สอง ได้ข่าว “โรคร้าย” กำลังไล่ล่าชีวิตอยู่ คนที่สาม ยุคนี้กลายเป็น “หมาหัวเน่า” ไปอยู่กลุ่มไหน บรรลัยที่นั่น..

อันนี้คือ “ตัวละคร” คดีเงินทอนวัด ที่เป็นฆราวาส ส่วนตัวละคร “หัวโจก” ที่เป็นพระสงฆ์ ตอนนี้ยังกินอิ่มนอนสำราญ เพราะเสวยสุขบนบุญเก่า “กรรม” คงยังส่งผลมาไม่ถึง

“เปรียญสิบ” เป็นคนเชื่อผลแห่งกรรม คิดว่า “ไม่นานเกินรอ” ไม่ตายโหง ก็ตายแบบปัจจุบันทันด่วน เหมือนคดีพระพิมลธรรมและกลุ่มฆราวาสที่ไป “ตกนรก” ไว้ก่อนหน้านั่นแล้ว

สำหรับการกลับมาของ “อดีตพระพรหมเมธี” ใครขวาง-ใครขัด ทำไมต้องขัดขวาง และหาก “อดีตพระพรหมเมธี” กลับมาแล้ว ใครเสียผลประโยชน์อย่างไร

โปรดล้างหูรอฟัง!! หากไม่หยุดขัดขวางจะแฉให้ทะลุ “วัดพระแก้ว” ถึงพระกรรณ พระสยามเทวาธิราช!!

…………….

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย… “เปรียญสิบ”: [email protected]

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img