วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightการเมือง-มาตรการกระตุ้นศก.ไม่ชัดเจน ฉุดรั้งดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอีไตรมาส3วูบ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

การเมือง-มาตรการกระตุ้นศก.ไม่ชัดเจน ฉุดรั้งดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอีไตรมาส3วูบ

การเมือง-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐขาดความชัดเจนฉุดดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี ไตรมาส 3/67 แตะระดับ 43.63 จากไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 52.06 ด้านผู้ประกอบการกังวลต้นทุนการผลิตพุ่ง

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า   ศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว.  ร่วมกับ  สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   สำรวจ “ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs ต่อเศรษฐกิจพบว่า  ดัชนีเชื่อมั่นฯ ไตรมาสที่ 3/2567 อยู่ที่ระดับ 43.63 ปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่ 2/2567 ที่ผ่านมา ที่อยู่ในระดับ 52.06 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะด้านปริมาณการผลิตที่ลดลงจากไตรมาสที่ 2  ผลจากปัจจัยกดดันสำคัญ คือ ด้านการเมืองในประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังขาดความชัดเจน การชะลอตัวของสภาวะทางเศรษฐกิจและตลาดที่ซบเซา

นอกจากนี้สภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจลดลง สอดคล้องกับผลประกอบการและคำสั่งซื้อที่ลดลง ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาอุทกภัยส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้การดำเนินธุรกิจหยุดชะงักในบางช่วง ความต้องการสินค้าและบริการลดลง ปัญหาติดขัดในห่วงโซ่การผลิตและการขนส่ง

เมื่อแยกพิจารณาตามประเภทธุรกิจ ความเชื่อมั่นลดลงทุกประเภทธุรกิจ โดยธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง  ความเชื่อมั่นต่ำสุด ที่ระดับ 38.53 ขณะที่ธุรกิจการท่องเที่ยว มีระดับความเชื่อมั่นสูงสุด ที่ระดับ 49.26

ส่วนคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 4/2567) ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความเชื่อมั่นโดยภาพรวมเพิ่มขึ้น อยู่ที่ระดับ 49.18 โดยเพิ่มขึ้นในเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะด้านผลประกอบการ สภาพคล่องของธุรกิจ และปริมาณการผลิต เนื่องจากคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านต้นทุนการประกอบการยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปัจจุบัน

นายพิชิต   กล่าวเสริมว่า จากผลสำรวจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่ลดลงของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อันเนื่องจากปัจจัยกดดันที่ทำให้ภาระในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น  ธนาคารจึงดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาภาระ ด้วยการออกมาตรการ “พักชำระหนี้ เงินต้นและดอกเบี้ย” สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด  ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ให้สิทธิสมัครใจพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย  สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน

นอกจากนั้น ยังมีโครงการเติมทุน มีหรือไม่หลักทรัพย์ค้ำประกันก็กู้ได้ สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความพร้อมเดินหน้าธุรกิจคว้าโอกาสรับเศรษฐกิจฟื้นตัวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี เช่น สินเชื่อ “SME Green Productivity” ช่วยยกระดับเพิ่มผลิตภาพสู่ธุรกิจสีเขียว อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปี วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท ผ่อนนาน 10 ปี และสินเชื่อ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้” ทำธุรกิจ 1 ปีก็กู้ได้ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR-1% ต่อปี  วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย ผ่อนนานสูงสุด 5 ปี เป็นต้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img