วันจันทร์, กันยายน 30, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight‘สภาสูง’ไฟเขียวแก้‘ร่างพ.ร.บ.ประชามติ’ คืนชีพใช้‘เสียงข้างมาก 2 ชั้น’แก้ไขรธน.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘สภาสูง’ไฟเขียวแก้‘ร่างพ.ร.บ.ประชามติ’ คืนชีพใช้‘เสียงข้างมาก 2 ชั้น’แก้ไขรธน.

‘สภาสูง’ ฉลุยแก้ ‘ร่างพ.ร.บ.ประชามติ’ คืนชีพใช้ ‘เสียงข้างมาก 2 ชั้น’ ผ่านประชามติรธน. ด้าน ‘สว.สิทธิกร’ คาใจเร่งให้ทันเลือกตั้ง ‘นายก อบจ.’ หวั่นเข้าทางนักการเมืองครอบงำ ขณะที่.‘นิกร’ ยังหวังทำประชามติแก้รธน.รอบแรกทันก.พ.68 กางปฏิทินเร่งงานกมธ.2สภาฯ

วันที่ 30 ก.ย.2567 เวลา11.20น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เข้าสู่การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการรออกเสียงประชามติ (ฉบับที่…) พ.ศ… ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ที่มี พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา(สว.) เป็นประธานกมธ. พิจารณาเสร็จแล้ว

โดยรายงานของกมธ. พบการแก้ไขเนื้อหา เพียงมาตราเดียว คือ มาตรา 7 แก้ไขมาตรา 13 ว่าด้วยหลักเกณฑ์การผ่านประชามติ ที่ให้เติมความวรรคสอง กำหนดให้ การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในการจัดทำประชามติ มาตรา 9 (1) หรือ (2) เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น

ทั้งนี้ในการประชุม พบกมธ.เสียงข้างน้อย ได้สงวนความเห็น และอภิปรายขอให้กลับไปใช้เนื้อหาเดิมที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ โดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า การกลับมติของ กมธ. ในวันที่ 25 ก.ย. ทั้งที่ก่อนหน้านั้นกมธ.ได้ลงมติในทิศททางเดียวกัน และปฏิเสธคำแปรญัตติของนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ที่เสนอให้ใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้นในเรื่องรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การกลับลำดังกล่าว เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีใบสั่ง เพราะเมื่อวันที่ 24 ก.ย. นั้น มีหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลแสดงความไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งนี้การลงมติของกมธ. ด้วย 17 เสียง ต่อ 1 เสียง นั้่นไม่งาม

“ขอสว.อย่าความจำสั้น เพราะการลงมติวาระแรก มีผู้ลงมติรับหลักการ 179 เสียง ทั้งนี้รัฐธรรมนูญที่มีปัญหา ทำให้การเมืองไร้เสถียรภาพ ปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้นขอให้กฎหมายประชามติเป็นก้อนหินก้อนแรก เพื่อสร้างถนนประชาธิปไตย” น.ส.นันทนา กล่าว

ขณะที่นายนิกร จำนง กมธ.เสียงข้างน้อยในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก เนื่องจากการศึกษาของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธาน และตนทำงานในคณะดังกล่าวพบว่าเกณฑ์ออกเสียงประชามติด้วยเสียงข้างมาก 2 ชั้น เป็นอุปสรรคที่ทำให้ประชามติผ่านยาก จึงเสนอให้แก้ไขให้ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวซึ่งเป็นฉบับที่เสนอให้วุฒิสภาพิจารณา

นายนิกร อภิปรายด้วยว่าหาก สว. เห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก ต้องกลับไปสภาฯ ทั้งนี้เชื่อว่าสภาฯ จะยืนยันตามร่างของตนเองเพราะได้ลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ดังนั้นสิ่งที่ตามมา คือ ตั้งกมธ.ร่วมกันฝ่ายละ 10 คน หากตกลงไม่ได้ไม่มีข้อสรุป และส่งไปยังแต่ละสภา พิจารณา หากสภาใดสภาหนึ่งไม่เห็นชอบ ต้องถูกแขวนไว้ 180 วัน จากนั้นสภาฯ ถึงจะลงมติ ซึ่งจะใช้ร่างของสภาฯ ไม่ผ่านวุฒิสภา

“สิ่งที่จะกระทบคือ รัฐธรรมนูญของประชาชนจะเกิดไม่ทันในรัฐสภาชุดนี้แน่ เพราะมีเวลาไม่ถึง 3 ปี แล้วใครจะรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น ที่จะไม่มีรัฐธรรมนูญของประชาชน ตามที่คณะกรรมการฯ เล็งกันไว้ คือ ทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่น วันที่ 2 ก.พ.68 หากไม่ทันจะเพิ่มค่าใช้จ่าย ผมตั้งความหวังไว้ ผมอยากให้สว.เห็นดวยกับร่างของสภา ไม่เช่นนั้นจะสุ่มเสี่ยงถูกโทษว่ารั้งรัฐธรรมนูของประชาชนไว้” นายนิกร กล่าว

นายนิกร อภิปรายด้วยว่า ตนขอเสนอวันและเวลา รวมถึงโอกาส คือ แม้สว.จะโหวตตามกมธ.ที่แก้ไข ส่งไปสภาฯ 9 ต.ค. พิจารณาตั้งกมธ. ร่วมมกัน จากนั้นมีเวลา 16 – 23 ต.ค. กมธ.พิจารณาหาทางออก ต่อมา วันที่24 ต.ค. กมธ.ร่วมกันส่งให้สองสภา 28 ต.ค. วุฒิสภาเห็นชอบตามร่างของกมธ.ร่วมกัน จากนั้น 30 ต.ค. ให้ความเห็นชอบ และ 31 ต.ค. สามารถทำตามกระบวนการของการประกาศใช้กฎหมาย และสามารถทำประชามติได้ทันวันที่ 2 ก.พ. 68 แต่หากทำไม่ทันเวลาจะไหลไป ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของพรรคใด แต่เป็นเรื่องว่าจะมีรัฐธรมนูญของประชาชนในยุคสมัยนี้ได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าส่วนของการอภิปรายของ สว. ต่อที่ประชุมในมาตราดังกล่าว พบว่ามีทั้งผู้ที่สนับสนุน และคัดค้านกับการแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมาก

โดย นายพิสิษฐ์ อภิปรายว่าตนเสนอคำแปรญัตติให้กมธ.พิจารณาแก้ไข เพราะไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขให้มีเสียงข้างมากเพียงชั้นเดียว ทั้งนี้ที่ระบุว่าไม่แก้กลัวว่าประชามติไม่ผ่านนั้น หากเปรียบเทียบกับการทำประชามติรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2550 และ 2560 พบว่าผู้ออกมาใช้สิทธิและคะแนนเสียงต่างผ่านเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นทั้งสิ้น ดังนั้นอย่ามาอ้างว่าหลักการดังกล่าวจะทำให้การทำประชามติเป็นไปได้ยาก ส่วนที่ระบุเหตุผลว่ากลัวไม่ทันกับการเลือกตั้ง อบจ. ก.พ.68 ตนมองว่าสามารถใช้พ.ร.บ.ประชามติฉบับปัจจุบันได้

“การแก้รัฐธรรมนูญปัจจุบันมีแต่เรื่องแก้จริยธรรมนักการเมือง แต่ไม่มีประเด็นเรื่องแก้เพื่อประชาชนทั้งนี้ที่บอกว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาเคยมีประชาชนเดินมาบอกหรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาตรงไหน ทั้งนี้ตนเชื่อว่ารัฐธรรมนูญนี้มีปัญหากับพรรคและนักการเมืองมากกว่า” นายพิสิษฐ์ อภิปราย

ขณะที่ นายสิทธิกร ธงยศ สว. อภิปรายว่า ตนเห็นว่าการแก้ไขเรื่องเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นของกมธ.นั้นชอบธรรมและถูกต้อง และขอชื่อชม เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่ตามมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การแก้ไขเกณฑ์ข้างมาก2 ชั้น ไม่เป็นปัญหา หากได้ 3 ชั้นยิ่งดี อย่างไรก็ดีความพยายามให้การออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้งนายก อบจ. นั้น เป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล เพราะขณะนี้มีพรรคการเมืองใหญ่เปิดตัว ผู้สมัครนายก อบจ. แล้ว 70-80% ดังนั้น หากสว.ผ่านให้ทำประชามติวันดังกล่าว จะกลายเป็นเครื่องมือของนักการเมืองทันที

“คนแก่ที่จะเลือกต้องปรึกษาหัวคะแนน ใบแรก เลือกตั้งนายก อบจ. ใบสองคือ แก้เรื่องอะไรต้องถามหัวคะแนน เป็นเรื่องที่แอบแฝง ทั้งนี้ไม่ต้องห่วงค่าใช้จ่าย หรือ เป็นภาระสังคม อันอื่นเสียได้ ตอนนั้นจำนำข้าวเสียหาย 7 แสนล้านบาท เป็นเรื่องเล็กน้อยกับการทำประชามติกฎหมายแม่บท ดังนั้นต้องทำให้ปลอดจากการครอบงำของพรรคการเมืองขอให้เป็นวันใหม่ เป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือ วันสงกรานต์ เพราะประชาชนกลับบ้านมากกว่าเลือก นาย อบจ. อย่าให้พรรคการเมืองครอบงำ มีประโยชน์ทับซ้อน” นายสิทธิกร อภิปราย

นายสิทธิกร อภิปรายต่อว่า ในการถามคำถามประชามติ หากสว.ผ่านไป ไม่รู้เขาจะตั้งคำถามอะไร หลีกไม่พ้นกับการจัดตั้ง มีระบบอุปถัมภ์ที่ไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะทำให้ได้รัฐธรรมนูญที่ไม่มีคุณภาพ เป็นเครื่องมือของนักการเมือง ตนเห็นควรว่า สว.ต้องตระหนักในประเด็นดังกล่าวเพราะเป็นผลประโยชน์ทางซ้อน ซึ่งเราหลงเกมนักการเมือง เขาจะกินหัวเรา

ทั้งนี้หลังจากที่ที่ประชุมอภิปรายแล้วเสร็จ ได้ลงมติ ผลปรากฎว่า เสียงข้างมาก เห็นชอบด้วยกับการแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมาก 164 เสียง ไม่เห็นด้วย 21 เสียง และ งดออกเสียง 9 เสียง

จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาเรียงลำดับมาตราที่เหลือและสรุปทั้งฉบับ ก่อนลงมติในวาระสามว่าจะเห็นชอบด้วยทั้งฉบับหรือไม่ ผลปรากฎว่า เสียงข้างมาก 167 เห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติม ต่อ 19 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง และเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ จากนั้น จะส่งให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img