วันจันทร์, ตุลาคม 7, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSร่วมงานปลุกเสก “ครั้งแรก”ของชีวิต?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ร่วมงานปลุกเสก “ครั้งแรก”ของชีวิต?

“เปรียญสิบ” ขอรับสารภาพว่าแม้ตัวเองจะเป็น “ลูกศิษย์” หลวงพ่อลำไย พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ติดตามท่านไปงานปลูกเสกวัตถุมงคลหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งใด จะสนใจร่วมพิธีกรรมเลย

 เหตุผลเพราะแต่ไหน แต่ไรมา ไม่ชอบคนคลุกคลีกับคนหมู่มาก และเป็นคนไม่อินกับพระภิกษุสายนี้เท่าไร

วันเสาร์ที่ผ่านมา “ปลัดเก่ง” คุณสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ชวนไปร่วมงาน “วัดพระธาตุพนม” จังหวัดนครพนม บอกว่าพระท่านชวนให้ไปเป็นประธานงานปลูกเสก “วัตถุมงคล” เพื่อหารายได้ซื้อที่ดินจำนวน 4 ไร่ 16 ล้านบาท และจะไปดูแปลงโคกหนองนา ที่อยู่ใกล้เคียงกันด้วย เพื่อไปให้กำลังใจคนทำโคก หนอง นา

ตอบตกลงไป!! เพราะดูแล้วเป้าหมายหาเงินชัดว่าซื้อที่ดินให้กับวัด ซึ่งถือว่าเป็นมรดกทางพระพุทธศาสนา และอีกประการหนึ่ง “ปลัดเก่ง” เกษียณจากราชการแล้ว คนติดตามคงน้อย

บทบาท “ปลัดเก่ง” ที่ผ่านมาถือว่าเป็น “ชาวพุทธต้นแบบ” และเป็น “พลเมืองที่ดี” ของชาติ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีหัวใจศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา เป็นที่ภาคภูมิใจและพอใจให้กับพระเถรานุเถระและชาวพุทธ เป็นอย่างมาก 

“เปรียญสิบ” ถือว่าเรามีศีลเสมอกัน  เพราะเรื่องสถาบันและพระพุทธศาสนาเรามี “หัวใจ” เดียวกัน!!

ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก ที่ร่วมงานปลุกเสกวัตถุมงคลตั้งแต่ต้นจนจบ..เริ่มตั้งแต่บวงทรวง เจริญพระพุทธมนต์ จุดเทียนชัย และดับเทียนชัย  ท่อนสุดท้ายไม่รู้พระท่านสวดอะไร เป็นเหมือนสวดแหล่ เสียงพระคุณเจ้าทั้ง 4 รูปมีพลัง เพราะดี แอบไปถามพระผู้สวดบอกว่าเป็น “บทสวดปลุกเสก” 

ตอนจบ “ไวยาวัจกรวัด” ซึ่งเป็นอดีตนายอำเภอ คุ้นเคยกับ “ปลัดเก่ง” เป็นอย่างดี ประกาศประมูลวัตถุมงคล 2 องค์ที่ปลุกเสก ซึ่งทั้ง 2 องค์ ปลัดเก่ง และ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ  รับประมูลไปทั้ง 2 องค์ เป็นเงินทั้งสิ้น 330,000 บาท

“ปลัดเก่ง” บอกว่า ถือว่า “ทำบุญ” ซื้อที่ดินให้กับวัดเป็นที่ธรณีสงฆ์ไว้ในพระพุทธศาสนา หากเราไม่ประมูล ดูแล้วคงไม่มีใครประมูล ซึ่งความจริงพี่เช่าไว้ล่วงหน้าแล้วอย่างละ 10 องค์ เนื้อทองคำ 1 องค์ ประมาณ 280,000 บาท รวมครั้งนี้ด้วย ทำบุญให้วัด 600,000 กว่าบาท.. สมมีคู่ชีวิตเป็น “เศรษฐีหมื่นล้าน”

ต่อจากนั่น..เดินทางไปแปลงโคกหนองนา ของ  “นายบุญธรรม จันทะนะ”  ซึ่งการเดินทางเข้าไปยังแปลงเจอ “น้ำท่วม” ต้องลากรถพ่วงเข้าไปเข้า

“เปรียญสิบ” คิดในใจ “ปลัดเก่ง -ดร.วันดี”  มีวาสนาเป็นถึง “ปลัดกระทรวง” และอีกคนเป็น “เศรษฐินีหมื่นล้าน” ยอมทนลำบากขึ้นลงรถพ่วง ทางก็ไม่ดี โดยเฉพาะ ดร.วันดี ที่เพิ่งผ่าหัวเข่ามา  เดินทางมาดูแปลงโคกหนองนา กลางทุ่ง ยอมทนลำบาก โดยที่ไม่ได้อะไรเลย นอกจาก “ความสุข” ทางใจเล็ก ๆ น้อย ๆ

“เปรียญสิบ” คิดต่อว่า หากเศรษฐีเมืองไทย กลุ่มนายทุน หรือบรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ยอมทุ่มเทเสียสละ แบบทั้ง 2 ท่านนี้บ้าง ความเหลื่อมล้ำระหว่างรายได้ การแก้ปัญหาค่าครองชีพให้กับประชาชน พออยู่ พอกิน พอใช้ อันเป็นหลักเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน คงเดินหน้าต่อไปได้ไม่ยาก

ปัญหาตอนนี้ของสังคมไทยคือ หาคนที่เสียสละยาก มีแต่จำพวก “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก”  มือใครยาวสาวได้สาวเอา หมายว่า “ต่างคนต่างรุมแย่ง เอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง โดยไม่นึกถึงคนอื่น คิดเอาแต่ได้ โดยไม่สนใจวิธีการที่จะทำให้ได้มา” .

“เปรียญสิบ” ได้แค่คาดหวังและคิด เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาระดับโครงสร้าง เป็นปัญหาระดับชาติ

ทางออกดีที่สุดคือ..ต้องเริ่มที่ตัวเรา เราต้องทำตัวเองให้เป็นแบบอย่าง และยกย่องบุคคลที่ควรยกย่อง เพื่อขยายไปสู่สังคมโลกกว้าง 

เหมือน “เปรียญสิบ”  ยกย่อง “ปลัดเก่งและ ดร.วันดี” 

…………….

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย… “เปรียญสิบ”: [email protected]

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img