วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightกมธ.มั่นคงฯถกปมคุกคาม'พี่สาววันเฉลิม' หน้า'จันทร์ส่องหล้า'จ่อเชิญ'ทักษิณ'แจง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กมธ.มั่นคงฯถกปมคุกคาม’พี่สาววันเฉลิม’ หน้า’จันทร์ส่องหล้า’จ่อเชิญ’ทักษิณ’แจง

กมธ.ความมั่นคงฯ เชิญหน่วยงานถกปมคุกคาม ‘พี่สาววันเฉลิม’ หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ’โรม’ ชี้เหมือนอยู่ในรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร จ่อหาข้อสรุปเชิญ ’ทักษิณ‘ เข้าชี้แจงด้วย

วันที่ 10 ต.ค. 67 เวลา 12.00 น. ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงว่า ที่ประชุมกมธ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง กรณีการคุกคามการใช้สิทธิเสรีภาพของน.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ถูกบังคับให้สูญหาย ไปในประเทศกัมพูชา โดยน.ส.สิตานัน ได้เดินทางไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ในขณะนั้นมีสมเด็จฯ ฮุนเซน จากประเทศกัมพูชา เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งน.ส.สิตานัน ถูกควบคุมตัว ไม่ให้เดินทางไปที่ไหน ให้อยู่กับที่ มากไปกว่านั้นได้รับการร้องเรียนว่ามีการเปิดตัวหนังสือที่เกี่ยวกับการเปิดความจริงของนายวันเฉลิม ซึ่งพบว่ามีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการใช้อำนาจรัฐ ในลักษณะการทำให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกต่าง ๆ ไม่สามารถทำได้โดยง่าย ทำให้การพูดจาในงานเสวนาการเปิดตัวหนังสือ มีข้อจำกัดอย่างมาก สิ่งเหล่านี้ถ้าฟังแล้วนึกว่าอยู่ในช่วงเวลาที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร แต่ในความเป็นจริง เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นไม่นาน และเกิดขึ้นในยุคที่รัฐบาลคือพรรคเพื่อไทย

” นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งบุคคลที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินเชิงนโยบายได้เลย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอีกแล้ว ขณะนี้มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ แต่สุดท้ายแล้วบรรยากาศทางการเมืองความร่วมมือของผู้ที่อยู่ในฝ่ายความมั่นคง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนเองทราบดีว่าการเปลี่ยนแปลงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้อยู่แค่นั้น แต่รวมไปถึงคนที่มากำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติคือนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลด้านฝ่ายความมั่นคง

“อยากใช้พื้นที่ให้ทุกคนได้รับทราบว่า การข่มขู่คุกคามต่อพี่น้องประชาชนยังเกิดขึ้นอยู่ และเมื่อเราต้องการที่จะแสวงหาความร่วมมือ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยการกำกับดูแลที่ได้รับการมอบหมายคือคุณภูมิธรรม ไม่ให้ความร่วมมือเรื่องนี้เลยต่อกรรมาธิการความมั่นคงฯ และเราจะนัดพูดคุยเรื่องนี้อีกครั้งในวันที่ 30 ตุลาคม” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เคสใดเคสหนึ่ง แต่เป็นความร้ายแรงที่เราอยากเห็นอำนาจรัฐที่มันได้มาตรฐาน เสมอภาคเท่าเทียมกัน สุดท้าย เราเห็นการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เกิน 20 คน ในการระมัดระวังน.ส.สิตานันเพียงคนเดียว ไม่ใช่แค่การใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบ แต่อยากตั้งคำถามว่า เรื่องนี้อาจโยงไปถึงการใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ที่ไม่ควรจะถูกใช้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก และอยากใช้โอกาสนี้ไปถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ที่เป็น ผบ.ตร. คนใหม่ ว่าเรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ และการไม่ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ และอยากใช้โอกาสนี้ไปถึงนายภูมิธรรม ในฐานะที่กับตำรวจ จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้ ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแบบนี้ ไม่ทำหน้าที่ให้ความร่วมมือ เราเชิญมาพูดคุยเรื่องนโยบาย ถ้าไม่คุยกับคนที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับผิดชอบเรื่องนโยบาย จะให้คุยกับพันตำรวจโท พลตำรวจเอก มาตอบแทน ผบ.ตร. เป็นเรื่องที่ไม่ได้

ด้านนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชนในฐานะเลขานุการ กมธ. ระบุว่า จากการรับฟังเนื้อหาวันนี้ก็รู้สึกว่า เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมาก ๆ เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ให้ความร่วมมือในการเข้ามาชี้แจงว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้อย่างไร นำชื่อประชาชนขึ้นมาในหมายเฝ้าระวังได้อย่างไร และเหตุการณ์ในวันนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับใหญ่มาก ๆ ลงไปในพื้นที่พบกับนางสาวสิตานัน ด้วยตัวเอง จึงเกิดความแปลกใจว่า ทำไมเกิดเหตุแปลก ๆ แบบนี้เกิดขึ้น ทางตัวผู้ร้องไม่ได้มีความพยายามขัดขืนต่อการควบคุมตัว แต่ถ้าอยากให้ทุกฝ่ายเข้ามาชี้แจงเกี่ยวกับการนำชื่อไปอยู่ในหมายเฝ้าระวัง และนำตำรวจมาควบคุมตัว อาจจะต้องใช้สถานการณ์ที่ใกล้เคียงกัน และเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งอาจรวมถึงนายทักษิณ ที่อยู่ในบ้านมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการด้วย ว่าใช้สถานะอะไร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สถานการณ์อันใดที่จะทำให้มาทำประชาชนได้ขนาดนี้ ซึ่งมีการเสนอ แต่ยังไม่ได้สรุปกันว่าจะเป็นอย่างไร

ขณะที่น.ส.สิตานัน กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกคุกคาม ตนเองเรียกร้องความเป็นธรรมให้น้องชาย แต่ถูกคุกคามอย่างหนัก คือกรณีที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า และได้รู้ว่าตนเองเป็นบุคคลเฝ้าระวังของทางตำรวจ ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเจอแบบเรา ทั้งที่เราเป็นผู้เสียหาย และอยากให้ประชาชนทุกคนที่โดนกระทำแบบนี้ ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง อย่ายอมให้เขามาเหยียบย่ำเรา และบีบคั้นเราจนกำจัดสิทธิ์เราไม่ให้เรามาเรียกร้อง

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img