วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 14, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“ชูศักดิ์”มั่นใจพท.เป็นตัวของตัวเอง ขนาด“อุ๊งอิ๊ง”นั่งนายกฯยังสวนมติบ้านจันทร์ส่องหล้า
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ชูศักดิ์”มั่นใจพท.เป็นตัวของตัวเอง ขนาด“อุ๊งอิ๊ง”นั่งนายกฯยังสวนมติบ้านจันทร์ส่องหล้า

“ชูศักดิ์” ไม่กังวล รอดูศาลรธน.รับคำร้อง“ธีรยุทธ” หรือไม่มอง ไม่มีมูล คิดไปไกลเกินกว่าเหตุ พยายามโยงเทียบก้าวไกล ชี้ เพื่อไทยเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้เชื่อ “ทักษิณ”ทุกอย่าง ยกเหตุเสนอ “อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ สวนมติบ้านจันทร์ส่องหล้า ระบุ พรรคยืนฝั่งสถาบันตลอด ไม่แก้หมวด1-2 มาตลอด

วันที่ 11 ต.ค.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าเป็นคำที่ถูกบัญญัติขึ้นเทียบความผิดประเภทนี้เท่ากับกบฏ จึงเขียนกฎหมายนี้เป็นการร้องขอให้เลิกการกระทำ เพราะฉะนั้นโดยรวมจึงเห็นได้ว่า 6 ข้อที่พูดมา ตนคิดว่ามันไกลกว่าเหตุที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมี 2 คำซ้อนกันอยู่ คำแรกคือคำว่าล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ผูกด้วย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีการพยายามบรรยายให้เข้าเกณฑ์คำวินิจฉัยของพรรคก้าวไกลว่าเป็นการเซาะกรอนบ่อนทำลายเพื่อให้เข้ากับคำวินิจฉัย ทั้งเรื่องการแก้กฎหมาย การนำนโยบายที่นายทักษิณพูดนำไปใช้ และชั้น 14 ของนายทักษิณด้วย ย้ำว่าบรรยายไปไกลเกินกว่าเหตุมาก ตนคิดว่า ไม่มีมูลอะไร

“เรื่องนี้เทียบให้เห็นแล้ว ทั้งเรื่องของพรรคเพื่อไทย เรื่องของสถาบันเราคิดว่าเรายืนแน่นมาตลอดโดยเฉพาะนายกทักษิณถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากเพราะฉะนั้นครั้งหนึ่งมีการแก้รัฐธรรมนูญเมื่อ 2550 นายทักษิณอยู่ต่างประเทศก็แนะนำมา ย้ำว่าหากจะแก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 หมวด 2 อย่าแตะ นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เช่นเดียวกับรัฐบาลนี้และรัฐบาลที่แล้ว ว่าเรายึดมั่นอย่างไรยืนยันว่าแน่นอนที่สุดพรรคเพื่อไทยทั้งหลายทั้งปวงไม่มีเรื่องเซาะกรอนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย”

นายชูศักดิ์ ยังกล่าวว่า เมื่อตนได้อ่านในรายละเอียดที่ถูกยื่นร้องว่าพรรคเพื่อไทยร่วมมือกับฝ่ายค้านในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงถามว่าเป็นความผิดเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างไร แผนกฎหมายที่แก้ในเรื่องจริยธรรมให้ชัดเจนขึ้นไม่ใช่ยกเลิกเพื่อให้การตีความทั้งหลายมีความชัดเจนขึ้นถือเป็นผลดีของประชาธิปไตยและไม่เห็นว่าจะเป็นการไปเอื้ออดีตนายกฯอย่างไร โดยรวมมองว่าเป็นคำร้องที่เกินกว่าเหตุไปพยายามที่จะบรรยายให้มันเข้าองค์ประกอบเพื่อให้เหมือนกับคำวินิจฉัยของภาคก้าวไกลครั้งที่แล้วมาว่าเป็นคนละเรื่อง

นายชูศักดิ์ ยืนยันว่าโดยรวมแล้วไม่ได้วิตกกังวลกับคำร้องดังกล่าวเพราะพรรคเพื่อไทยยึดมั่นมาโดยตลอด เรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทั้งนี้ต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องหรือไม่หากศาลรัฐธรรมนูญรับก็ต้องชี้แจงไปและตนก็ยินดี ซึ่งก็มีคณะทำงานที่จะชี้แจงอยู่แล้ว เพราะเกี่ยวข้องมาถึงพรรค และคงจะหนีไม่พ้นที่นายชูศักดิ์ต้องมารับผิดชอบคดีนี้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น และเรื่องครอบงำตัวอย่างตัวอย่างชัดเจนที่สุด

“จำได้หรือไม่ เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในคำร้องว่านายทักษิณมีการเรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหารือที่บ้านจันทร์ทรงหล้าว่าจะเป็นนายชัยเกษม นิติศิริ แต่ท้ายที่สุดวันรุ่งขึ้นพรรคเพื่อไทยประชุมบอกว่า ขอเป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร แสดงให้เห็นว่าเราเป็นตัวของตัวเองเรามีอำนาจมีวิจารณญาณในการตัดสินใจของเราไม่ใช่จะเชื่อไปทุกอย่าง นี่คือตัวอย่างที่ดีที่สุด ว่าเรามีพรรคการเมือง เรามีกรรมการบริหาร ส่วนใครจะให้คำปรึกษาอะไรก็เป็นธรรมชาติของสังคมที่จำเป็นต้องรับฟังหากเป็นเรื่องดีก็นำไปใช้”

ส่วนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ บอกว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของพรรคเพื่อไทยนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็ไม่อยากคิดไปไกลถึงขนาดนั้นต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องหรือไม่หากรับก็ไปชี้แจงกันไป ส่วนเบื้องหลังของเรื่องนี้ก็คิดว่ามาจากความขัดแย้ง ที่ข้อหนึ่งก็ระบุชัดอยู่แล้วว่านายทักษิณอยู่เบื้องหลังในการเอาพรรคพลังประชารัฐออกจากการร่วมรัฐบาล ดูจากคำร้องก็บอกชัดว่ามีเบื้องหลังจากความขัดแย้ง

นายชูศักดิ์ กล่าวถึงการนัดหมายหัวหน้าพรรคการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเพราะติดภารกิจต่างประเทศ แต่เคยได้พูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากที่เคยเป็นประธานในชุดที่แล้ว จึงขอให้นายภูมิธรรมนัดหมายและตนยินดีจะร่วมด้วยเพื่อจะพูดคุยให้สะเด็ดน้ำทั้งเรื่องประชามติและเรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะเอาอย่างไร จะพูดคุยวันไหนต้องขอรอพูดคุยกันก่อน

ส่วนการทำประชามติจะต้อง 2 ชั้นแล้วหรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ให้กรรมาธิการพูดคุยกันก่อนว่าจะเอาแบบไหน ซึ่งส่วนตัวก็ยังหวังว่าการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องประชามติจะเสร็จทันในการเลือกตั้งสมัยหน้า

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img