วันพุธ, ตุลาคม 16, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSสัญญาณเปิด! การรุกในจังหวัดชายแดนใต้อย่างต่อเนื่องกับรัฐไทย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สัญญาณเปิด! การรุกในจังหวัดชายแดนใต้อย่างต่อเนื่องกับรัฐไทย


“……ยุทธวิธีของผู้ก่อการร้ายในปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับสถานการณ์โดยมุ่งเน้นงานด้านการเมืองมากขึ้นควบคู่กับการก่อเหตุเพื่อหล่อเลี้ยงสถานการณ์สร้างกระแสข่าวโดยกลุ่มภาคประชาสังคมในการลดความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐการถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพการบังคับใช้กฎหมายและขาดความยุติธรรมในการดำเนินคดี….”

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 12 ต.ค.67 สัปดาห์ที่ผ่านมา ชายแดนใต้ป่วนหนักต่อเนื่อง ผสมโรงกับการรุกทางการเมืองของแนวร่วม ขณะที่การพูดคุยเพื่อสันติสุขนั้น ยังไม่มีความคืบหน้า แต่กลับดึงประเทศที่ 3 เข้ามาแทรกแซง โดย BRN แสดงบทบาทผู้แทนโจรใต้ แต่มิใช่ถือว่าเป็นผู้แทนประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) และจะให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว BRN ถือเป็นองค์กรนอกกฎหมายที่มิใช่รัฐ จึงไม่สามารถนั่งเจรจากับแบบรัฐต่อรัฐได้ เพราะผิดกฎหมาย ดังนั้นที่ผ่านมาจึงใช้คำว่า “การพูดคุยเพื่อสันติสุข” 

@@@…….ปัจจุบัน ฝ่ายกลุ่มผู้มีปฏิกิริยาต่อภาครัฐ กำลังใช้ “นิติสงคราม” รุกคืบครอบคลุมชายแดนใต้ หมัดต่อหมัด รัฐบาลไทย Vs นักสิทธิ, นักเคลื่อนไหว, นักการเมือง รวมทั้งแนวร่วม ผู้ก่อการร้าย (ผกร.), โจรใต้ และแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะกรณีรื้อฟื้นคดีตากใบ และการปล้นปืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา จ.นราธิวาส เป็นสัญญาณเปิดการรุกอย่างต่อเนื่องกับรัฐไทย โดยมีข้อสังเกตในการปฏิบัติการของกลุ่ม BRN กำลังปฏิบัติการทั้งการเมือง และการทหารคู่ขนานกัน ซึ่งกรณีตากใบมีนักการเมือง และนักเคลื่อนไหว นักสิทธิจำนวนหนึ่งให้การสนับสนุนญาติผู้สูญเสีย ให้ฟ้อง 9 ผู้ต้องหาที่มีอำนาจสั่งการในขณะนั้น ส่วนฝ่ายรัฐบาลไทยก็ดำเนินฟ้องคดีกับผู้ที่ใส่ร้ายบิดเบือนภาครัฐ โดยผู้จัดกิจกรรมปลุกปั่นสร้างความแตกแยก 9 นักกิจกรรม รวมถึงนักศึกษาที่จัดทำมติแบ่งแยกดินแดน และยังจะดำเนินคดีกับ ส.ส.ที่เกี่ยวข้อง, อธิการบดี, คณาจารย์ มอ.ที่หนุนหลัง/อนุญาตให้จัดกิจกรรมดังกล่าว เนื่องจากส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ 

@@@…….การใช้กฎหมายเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ในรูปแบบการดำเนินทางกฎหมาย และทางสื่ออย่างกว้างขวาง รวมไปถึงด้านการเมือง เพื่อด้อยค่าภาครัฐให้ฝ่ายรัฐบาลเสียหายอ่อนแอลง และในทางกลับกันการใช้อาวุธของฝ่าย BRN ลดลง มุ่งเป้าก่อเหตุที่เล็งผลทางด้านการเมืองมากขึ้น สร้างกระแสมวลชนนอกพื้นที่ ให้ติดตามกรณีคดีตากใบ และการทำงานของฝ่ายรัฐบาลมากยิ่งขึ้น ซึ่ง “นิติสงคราม” ที่ BRN ใช้ในตอนนี้กำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนจะส่งผลต่อรัฐบาลไทยเป็นอย่างมาก อาจจะพูดได้เลยว่า ขณะนี้ฝ่าย BRN และแนวร่วม ได้เปิดเกมรุกจากทุกทิศทาง และเน้นไปที่การเมืองมากยิ่งขึ้น แทนที่จะใช้กองกำลังติดอาวุธฯ โดยไร้ทิศทางเหมือนเมื่อก่อน ข้อสังเกตตรงนี้ ทำให้ฝ่ายความมั่นคง เชื่อว่า กลุ่มแกนนำภายใน BRN อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากภายในองค์กรเช่นกัน 

@@@…….อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคง พิจารณาแนวโน้มแล้ว มองว่า จากการเผยแพร่ข้อความเป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับยุทธวิธีของ ผกร. ในปัจจุบัน ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับสถานการณ์โดยมุ่งเน้นงานด้านการเมืองมากขึ้น ควบคู่กับการก่อเหตุเพื่อหล่อเลี้ยงสถานการณ์ สร้างกระแสข่าวโดยกลุ่มภาคประชาสังคมในการลดความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐ การถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ การบังคับใช้กฎหมาย และขาดความยุติธรรมในการดำเนินคดี ฉะนั้น ภาครัฐ จึงควรกำหนดเป็นหัวข้อข่าวสารสำคัญ หรือ ข้อมูลข่าวสารหลักให้ประชาคมข่าวกรองในพื้นที่ รวบรวมข่าวสารการข่าวกรองให้ได้มากที่สุด และประเมินติดตามการดำเนินงานของเครือข่ายกลุ่มต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่ม ผกร.และกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สร้างประเด็นสื่อสาร และช่องทางประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงในกระแสข่าวต่าง ๆ ที่ถูกนำมาบิดเบือนสร้างความเสียหายแก่ภาครัฐอย่างทันท่วงที ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักรู้เท่าทันถึงแนวคิดของผู้ก่อการร้ายและกลุ่มก่อความไม่สงบ ในการก่อเหตุต่าง ๆ ในพื้นที่ จชต.ต่อไป 

@@@…….ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รับเยี่ยมคำนับ นาย Park Yongmin (ปาร์ค ยองมิน) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ในโอกาสแนะนำตัวและหารือข้อราชการ ซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีที่ นาย Park Yongmin ได้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตฯ ประจำประเทศไทย และกล่าวถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย-สาธารณรัฐเกาหลี  เนื่องจากทั้งสองประเทศได้ร่วมทำสงครามต่อสู้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพของประชาคมโลก และมีการสร้างอนุสาวรีย์การเข้าร่วมสงครามของไทย ซึ่งตั้งอยู่ที่ จังหวัดคยองกี

@@@…….ทั้งนี้ กองทัพไทยถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังได้กล่าวชื่นชมความร่วมมือของสาธารณรัฐเกาหลีและไทยที่มีความสัมพันธ์อันดีทั้งในระดับรัฐบาล จนถึงความร่วมมือระดับกองทัพ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้เกิดความสงบเรียบร้อยในภูมิภาคและเชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี และสนับสนุนผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ ร่วมกันอย่างเต็มที่ โดยหวังว่าในโอกาสต่อไปจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันมากยิ่งขึ้น รวมถึงจะมีการขยายขอบเขตความร่วมมือในกรอบต่าง ๆ ในอนาคต 

@@@…….กองทัพเรือ….พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมการประชุม ผบ.ทร.อาเซียน ครั้งที่ 18 (The 18th ASEAN Navy Chiefs’ Meeting : ANCM) ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Tele Conference : VTC) ณ ห้องวชิรปราการ กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม ตามคำเชิญของ กองทัพเรือเมียนมา เจ้าภาพการประชุม ที่จัดขึ้น ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมี ผู้บัญชาการทหารเรือ/ผู้แทน ของประเทศในอาเซียน รวมจำนวน 10 ประเทศเข้าร่วมการประชุม พร้อมทั้งมอบหมายให้ พล.ร.ท. ภุชงค์ ประดิษฐธีระ  เจ้ากรมข่าวทหารเรือ  เป็นผู้แทนไปร่วมการประชุม ณ กรุงเนปิดอว์

@@@…….การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง กองทัพเรือ ในภูมิภาคอาเซียน โดยเป็นเวทีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติ และแนวความคิดในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องทางทะเลในประเด็นระดับภูมิภาคซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลและความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในการนี้ ผู้บัญชาการ/ผู้แทน ประเทศสมาชิกต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนมุมมองในหัวข้อ “Sailing Together : Harmony to Peace and Prosperity” ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อภูมิภาคถือได้ว่าเป็นเวทีสำคัญของประเทศสมาชิก อันจะส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดและส่งผลในการบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต

@@@…….กองทัพบก….พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก ได้ติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงเข้าสู่ระยะการฟื้นฟู ซึ่งกองทัพบกได้จัดกำลังพลจิตอาสาและยุทโธปกรณ์จากหน่วยทหารในพื้นที่ ได้แก่ มณฑลทหารบกที่ 33, กองพลทหารราบที่ 7 รวมทั้งเสริมกำลังจากกรมการทหารช่าง, ทีมแพทย์และพยาบาลทหาร ตลอดจนนักเรียนนายสิบเหล่าทหารช่างและนักศึกษาวิชาทหาร เข้าบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ผ่านกลไกศูนย์ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานและประชาชน ร่วมทำความสะอาดฟื้นฟูบ้านเรือน แหล่งชุมชนและเส้นทางสัญจรให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

@@@…….จากนั้นคณะผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานโคกกระเทียม จ.ลพบุรี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงแม่น้ำเจ้าพระยา ซี่งเป็นเส้นทางไหลของมวลน้ำจากภาคเหนือ โดยผู้บัญชาการทหารบกได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจสถานการณ์น้ำทางอากาศ รวมทั้งบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ที่มีปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนรวม 80% คงที่จากเมื่อวาน อยู่ที่ระดับ 16.56 เมตร และทางกรมชลประทานยังคงควบคุมการระบายน้ำในอัตรา 2,199 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเตรียมรับมวลน้ำ ป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง

@@@…….ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามภารกิจการช่วยเหลือประชาชนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา กองทัพบก โดยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้นำนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 4 รวม 60 นาย ร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ เข้าสนับสนุนส่วนราชการจังหวัด ดำเนินการใน 2 บริเวณ ได้แก่ การวางกระสอบทรายทำพนังกั้นน้ำ บริเวณพระตำหนักสิริยาลัย อ.พระนครศรีอยุธยา และร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วางกระสอบทรายพร้อมติดตั้งพนังกั้นน้ำแสตนเลสและคลุมแผ่นพลาสติกเสริมการรั่วซึม บริเวณวัดไชยวัฒนาราม อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเตรียมพร้อมพื้นที่ รองรับสถานการณ์น้ำที่เพิ่มระดับสูงขึ้น ป้องกันโบราณสถานที่สำคัญตามแผนเร่งด่วนของทางจังหวัด

@@@…….โดย ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 4 รวมทั้งกำลังพลทุกนายที่อุทิศตนเพื่อส่วนรวม ดำรงตนด้วยการเป็นกำลังพลจิตอาสา ทำความดีช่วยเหลือประชาชน ป้องกันพื้นที่และลดผล กระทบจากอุทกภัย ซึ่งแม้ว่าวันนี้มีฝนตกปรอยปราย แต่ทุกคนยังคงเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยประสานการทำงานร่วมระหว่างกำลังจิตอาสาจากทุกภาคส่วน ผ่านศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัด เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยจากการปฏิบัติงาน โดยต้องสับเปลี่ยนกำลังและตรวจสอบยุทโธปกรณ์อยู่เสมอ เพื่อให้มีความพร้อมต่อทุกภารกิจ ซึ่งหากมีข้อขัดข้องหรือต้องการรับการสนับสนุนในเรื่องใด กองทัพบกพร้อมให้การช่วยเหลือในทุกด้านในทันที.

……………………..

คอลัมน์  : “Military Key”

โดย.. “รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img