“วราวุธ” ขออย่านำปม “เกาะกูด” มาเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ ลั่นเป็นพื้นที่ของไทยอยู่แล้ว ยันไม่มีความขัดแย้ง-ไม่เกี่ยวกับอธิปไตย เชื่อ “รัฐบาล” ไม่ยอมให้เสียเปรียบ แนะปชช.ไม่ต้องกังวล
วันที่ 5 พ.ย. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงเรื่องบันทึกข้อตกลงไทย-กัมพูชา (MOU 2544) เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ภายหลังกัมพูชาลากเส้นแบ่งเขตทับเกาะกูด ว่า ขอให้ความสบายใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ กัมพูชาและไทย ไม่ได้มีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับเกาะกูดเลย เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้มีความสนใจในพื้นที่ตรงนี้ตั้งแต่แรก และเส้นเขตแดนนั้น ไม่มีเกาะกูดเข้ามาเกี่ยวข้อง
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เตะทิ้งไปได้ ไม่ได้อยู่ในข้อสังเกต ข้อกังวล ของ MOU 2544 แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการที่ประเทศไทยใช้มาตรการลากเส้นแบ่งเขตแดนแบบหนึ่ง แต่กัมพูชาใช้อีกแนวคิดหนึ่ง ซึ่งไม่ตรงกัน จึงทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมา และพื้นที่ทับซ้อนตรงนี้ ก็มีทรัพยากรที่อยู่ใต้ดิน คือปิโตรเลียม จึงทำให้ต้องมีการพูดคุยกัน ยืนยันว่าไม่ใช่ข้อขัดแย้ง แต่เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน จึงต้องมีคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา (JTC) เกิดขึ้น ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการปรึกษาหารือกันโดยตลอด แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล จากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี มาสู่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงทำให้ต้องมีการตั้งเจทีซีของไทยขึ้นมาใหม่ ขณะที่ เจทีซีกัมพูชายังมีอยู่
“ผมขอฝากประชาชนว่า อย่าเอาประเด็นการเมืองมาสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ เพราะเป็นคนละประเด็นกัน การทำงานระหว่างไทยและกัมพูชา เป็นการพูดคุย และหารือ เพื่อให้ได้ข้อตกลงร่วมโดยเร็วที่สุด ไม่ได้มีความขัดแย้ง และที่สำคัญไม่ได้เกี่ยวข้องกับอธิปไตยของเกาะกูดแต่อย่างใด ย้ำว่า เกาะกูดยังเป็นอำเภอหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดตราดของไทย ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น”นายวราวุธ กล่าว
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า จากนี้ไปจะเป็นขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตั้งเจทีซีของไทย เพื่อไปหารือกับกัมพูชาต่อไป ในเรื่องทรัพยากรที่อยู่ใต้พื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Overlapping Claims Area : OCA) ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องเกาะกูด เนื่องจากพื้นที่โอซีเอ ยังจะต้องมีการเจรจากันต่อ ยืนยันว่า เราจะไม่มีการเสียเปรียบกัมพูชา และไม่เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบของใครทั้งนั้น ซี่งการที่สองประเทศมีความคิดต่างกัน จึงจำเป็นต้องมาพูดคุยกับนโต๊ะ โดยรัฐบาลดำเนินการเต็มที่ และจะไม่ให้เสียผลประโยชน์ของประเทศไทย