ข่าวใหญ่ที่สุดช่วงนี้ เมื่อ ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองปราบปราม นำกำลัง พร้อมตำรวจทางหลวง บุกรวบ “ทนายตั้ม” พร้อม “เมีย” หลังศาลอาญาออกหมายจับกุม คดีฉ้อโกงเงินเจ๊อ้อย 71 ล้านบาท
เมื่อช่วงเวลา 12.00 น. วันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบนำกำลัง จับกุม “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ “ทนายตั้ม” ในคดีหลอกลวงเงิน “จตุพร อุบลเลิศ” หรือ “เจ๊อ้อย” ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน รวมทั้งจับกุม “ปทิตตา เบี้ยบังเกิด” ภรรยาของทนายตั้ม ตามหมายจับศาลอาญาใน ข้อหาร่วมกันฟอกเงินฯ หลังพบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องหลังการจับกุมทนายดัง เริ่มขึ้นภายหลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับกุมในช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจกองปราบฯจึงวางแผนเข้าจับกุมตัว “ทนายษิทรา” และ “ปทิตตา” ภรรยา
โดยเริ่มจากบ้านพักย่านบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชั่น โดยทางตำรวจคาดว่า ผู้ต้องหาอาจหลบนี จนพบว่า ผู้ต้องหาพร้อมภรรยานั้น ขับรถยนต์หรูออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้าตรู่ จึงขับรถออกติดตามไป
นอกจากนี้ยังมีกำลังอีกส่วนหนึ่งที่ถูกไปเฝ้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อป้องกันผู้ต้องหาเดินทางออกนอกประเทศด้วย แต่กลับพบว่า ทนายคนดังขับรถมุ่งหน้ามาทางจ.ฉะเชิงเทรา โดยใช้เส้นทาง 304 มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่สามารถออกชายแดนทางภาคอีสาน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเกรงว่า อาจติดตามรถของผู้ต้องหาไม่ทัน และทำให้ผู้ต้องหาหลุดรอดการจับกุมไปได้ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เข้าร่วมสกัดจับเป้าหมาย ได้ที่บริเวณแยกพนมสารคราม
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทนายคนดังอ้างว่า ตนและภรรยากำลังจะเดินทางไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายพร้อมเข้าทำการจับกุม พร้อมตรวจค้นภายในรถ พบเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ใส่กระเป๋าเดินทางมาด้วยจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงนำตัวไปลงบันทึกจับกุมที่ สภ.พนมสารคราม ก่อนจะนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่กองปราบฯต่อไป
ต่อมาเวลา 13.45 น. ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม ตำรวจได้คุมตัวทนายตั้มพร้อมภรรยามาสอบสวน พบว่า ทนายตั้มมีสีหน้าเรียบเฉย ค่อนข้างเคร่งเครียด ส่วนทางด้าน ภรรยาปกปิดใบหน้า ด้วยแว่นกันแดดสีดำและใส่หน้ากากอนามัย
ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่า “มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่, จะดื่มเยี่ยว (ปัสสาวะ) วันไหน, กังวลหรือไม่” แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังตัวอาคารเพื่อสอบปากคำตามกระบวนการกฎหมาย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถยนตร์หรูยี่ห้อปอร์เช่ รุ่นคาเยน ภายในรถพบกระเป๋าเดินทาง พร้อมเครื่องนอน และเอกสาร 1 ซอง อยู่ด้านหลังรถ เอาไว้เป็นหลักฐาน
ตร.ค้านประกัน “ทนายตั้ม-เมีย” โทษสูง-ยุ่งเหยิงพยาน
ต่อมา พล.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยหลังจากสอบปากคำเสร็จแล้ว พนักงานสอบสวนจากคัดค้านการประกันตัว
เพราะในหมายจับ ระบุว่า “มีหลักฐานตามสมควรว่า เชื่อได้ว่าน่าจะทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี และมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น”
ด้าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยืนยันว่าคดีนี้ ตำรวจมีพยานหลักฐานหนาแน่น แม้ว่าผู้ต้องหาจะเป็นทนายดัง ตำรวจก็สามารถขออนุมัติหมายจับกุม มาดำเนินคดี แม้ว่าผู้ต้องหาจะปฏิเสธ ก็มั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่
นอกจากนี้ ยังมีเบาะแสที่เชื่อได้ว่า ทนายตั้มและภรรยา อาจหลบหนีไปต่างประเทศ ผ่านช่องทางด่านชายแดนสระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังสกัดจับกลางถนนหลวง
ต่อมาเวลา 15.20 น. ตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำทรัพย์สินส่วนตัวของทนายตั้ม และภรรยา เข้ามาตรวจสอบที่ กองบังคับการปราบปราม หลังจากได้เข้าไปตรวจค้นคฤหาสน์หรูของทนายตั้ม
จากการสังเกต พบว่า ทรัพย์สินที่ตรวจยึดมาเป็นของกลาง ส่วนใหญ่เป็น กระเป๋า-ของใช้แบรนด์เนม ทั้งยี่ห้อ แอร์เมส, ดิออร์, หลุยส์ วิตตอง, ซีลีน ทั้งหลายขนาด และมีมากกว่า 10 ใบ มูลค่ารวมคาดว่าหลักสิบล้านบาท
ทางเจ้าหน้าที่ จะได้ทยอยนำทรัพย์สินแบรนด์เนมที่อยู่ในบ้านของทนายตั้มและภรรยา เข้ามาตรวจสอบ เพื่อหาที่มาที่ไปของทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
ส่องแฟชั่น “ทนายตั้ม-เมีย” แบรนด์เนมยันวันถูกรวบ
ช่วงที่ทนายตั้มและภรรยา ถูกจับกุมตัว ที่บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งคู่อยู่ในชุดขาวทั้งตัว เหมือนกำลังจะไปทำบุญ โดยขับรถปอร์เช่ ที่เราเห็นออกสื่อเป็นประจำ
สำหรับทนายตั้ม อยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงจ็อกเกอร์สีขาว แบรนด์เนม รองเท้าแตะสีดำ
ส่วนภรรยาทนายตั้ม อยู่ในชุด เสื้อยืดคอกลมสีขาว ยี่ห้อ บัลแมง แบรนด์ดังชั้นสูงจากฝรั่งเศส กางเกงขายาวสีขาว รองเท้าแตะแอร์เมส
ส่วนความเคลื่อนไหวใน “กลุ่มทนายอเวนเจอร์” ทั้ง “คนสนิท” และ “คนเคยสนิท” ต่างออกมาให้ความเห็น การที่ตำรวจสอบสวนกลาง บุกจับทนายตั้มในวันนี้
เริ่มจาก “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” บอกว่า สาเหตุที่ต้องกลับลำ ไม่ถือหางฝั่งทนายตั้มแล้ว เพราะว่าได้รับโทรศัพท์จากแหล่งข่าวใกล้ชิด 2 สาย จากตำรวจและคนดัง โทรมาให้ถอนตัวไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง เพราะตำรวจมีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจนว่าได้กระทำความผิด ที่ผ่านมา มั่นใจว่าทนายตั้มมีหลักฐานเด็ดนั้น เพราะฟังจากทนายตั้ม ไม่เคยฟังจากตำรวจ แต่พอรู้ความจริงว่าฝ่ายตรงข้าม มีพยานหลักฐานอะไร ก็ต้องกลับลำเพราะข้อเท็จจริงมันเพิ่มขึ้น ก็เลยต้องเปลี่ยนไป
ขณะที่ “ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” บอกช่วงหลังจับกุมว่า “ถ้าทนายตั้มมาถึงกองปราบแล้ว ให้แจ้งผมด้วยนะครับผม จะได้ไปถามว่า รอบนี้ผมต้องประกันตัวให้อีกไหม แต่ดูรูปคดีแล้ว น่าจะไม่ได้ประกันตัวครับ เพราะตำรวจค้าน ต้องปล่อยทีมทนายเขาจัดการเอง ผมไม่ยุ่งครับ แต่ถ้าหิวจะซื้อของกินไปให้”
ก่อนหน้านี้ “ทนายตั้ม” กับ “ทนายรณณรงค์” ก็ค่อนข้างมีวิวาทะกัน เกี่ยวกับเรื่อง “เมียมีเขา”
โดย “ทนายรณณรงค์” ได้โพสต์ตอบโต้ว่า “เจ็บปวดรวดร้าว ถ้าพี่ตั้มระบายออกมาแล้วรู้สึกดีขึ้น ผมไม่ว่า ไม่ตำหนิอะไรเลยครับ แต่อยากให้รู้ว่าผมรักและเป็นห่วงพี่เสมอนะครับ”
ส่วน เพื่อนรัก-เพื่อนแค้น ที่ดีกันตีกัน อยู่บ่อยๆ อย่าง “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ได้ทำนายไว้ก่อนหน้านี้ว่า “คดีเจ๊อ้อย มีหมายจับทนายดังอย่างแน่นอน และถ้าไม่รับสารภาพ คืนเงินเจ๊อ้อย อาจไม่มีเหตุอันควรลดโทษ ต่างกรรม ต่างวาระ อาจจะได้อยู่ในซังเตไปยาวๆ เลยก็ได้ ส่วนในวันพรุ่งนี้ อัจฉริยะ ยังเตรียมแฉกรณีทนายดัง ทำเอกสารปลอม ไปร้องเรียนรัฐวิสาหกิจ เพิ่มเติมอีก 1 คดี”
ขณะที่ “ครูปรีชา ใคร่ครวญ” บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ในวันที่ 8 พ.ย. เวลาประมาณ 10.00 น. จะนำโอเลี้ยง มาเข้าเยี่ยมทนายตั้มที่กองบังคับการปราบปรามด้วย เพราะกลัวจะคอแห้ง” ครูปรีชาว่าไว้แบบนี้
ถึงตอนนี้ ทนายตั้มและภรรยาถูกจับกุม มีข้อหาหลักคือ ฉ้อโกง และฟอกเงิน ส่วนภรรยาข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ไม่สามารถไปถือศีลทำบุญที่วัดได้ตามตั้งใจ
โดยหลังจากนี้ ยังอยู่ในกระบวนการพิสูจน์ความยุติธรรม เนื่องจาก ระบบกระบวนการยุติธรรมเป็นระบบกล่าวหา ดังนั้น “ทนายตั้ม-ภรรยา” ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าคดีจะตัดสินถึงที่สุด
………….
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม