กกต.จังหวัด เข้าสอบปากคำทนายตั้มในเรือนจำ หลังมีผู้ร้องขาดคุณสมบัติทำงานภาคประชาสังคมไม่ถึง10ปี หากพบขาดคุณสมบัติตามกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
วันที่ 13 พ.ย.67 นายนิติพัฒน์ ชูกล้ากสิกรณ์ ประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกกต.จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กกต.จังหวัดสมุทรสาคร เดินทางเข้ามาสอบปากคำ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ‘ทนายตั้ม’ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กรณีมีผู้ร้องเรียนว่าขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา กลุ่ม 17 เนื่องจากทำงานภาคประชาสังคมไม่ถึง 10 ปี
นายนิติพัฒน์ ระบุว่า ช่วงประมาณเดือน ก.ย. มีผู้ร้องเรียนทนายตั้มในช่วงสมัคร สว. เรื่องคุณสมบัติการสมัคร สว. ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว แม้ในช่วงการรับสมัครรับเลือกตั้ง สว. จะมีการตรวจสอบคุณสมับติแล้ว แต่เป็นการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น
ทั้งนี้ เมื่อมีผู้ร้องคัดค้านก็จะต้องมาตรวจสอบโดยละเอียด ซึ่งเมื่อ กกต.จังหวัดสมุทรสาคร รับเรื่องจาก กกต.กลาง ก็มาดำเนินกระบวนการสอบสวนทันที โดยมีกรอบระยะเวลาการทำงานแรก 20วัน แต่ทนายตั้มขอเลื่อนชี้แจง และขอขยายระยะเวลาการเข้าขี้แจงข้อมูล 2 รอบ รอบละ 15 วัน รวมเป็นขยายเวลามาแล้ว 30 วัน รวมเป็นทั้งหมด 50 วัน และนัดหมายจะให้ข้อมูลวันที่ 27 พ.ย.นี้ แต่เนื่องจากกรอบระยะเวลาจังหวัดมีถึงแค่วันที่ 25 พ.ย.
เหตุผลที่ต้องเดินทางมาในช่วงที่มีประเด็นข่าว เพราะทราบว่าทนายตั้มถูกควบคุมตัวอยู่ เลยเดินทางมาสอบในวันนี้ และระยะเวลาการสอบสวนของ กกต.มีจำกัดจึงต้องรีบทำอะไรเร่งด่วน เพื่อส่งข้อมูลให้กกต.กลางได้นำไปวินิจฉัยต่อ
ทั้งนี้ หากผลการตรวจสอบพบว่า ทนายตั้มขาดคุณสมบัติ จะมีความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยกันได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 74 ที่กำหนดว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใดได้สมัครรับเลือก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-10ปี และปรับตั้งแต่20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด20 ปี และการเป็น สว.ตัวสำรอง ก็จะหลุดไปโดยปริยาย ซึ่งถ้าขาดคุณสมบัติจริง ก็จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย