‘พิธา’ รับคำท้า ‘ทักษิณ’ แก้เลยกฎหมายเก่าล้าหลัง จี้ ‘นายกฯ แพทองธาร’ เร่งตั้งคกก.กลั่นกรองการใช้มาตรา 112 หลัง ‘ลุงโทนี่’ บอกเป็นเหยื่อเหมือนกัน
วันที่ 15 พ.ย.67 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวระหว่างลงพื้นที่ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถึงประเด็นที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยพาดพิง ฝากไปบอกพรรคประชาชนก่อนที่จะคิดออกกฏหมายใหม่ ขอให้แก้กฎหมายเก่าเฮงซวยก่อนว่า ข้อเท็จจริงน่าจะผิดนิดหนึ่ง เพราะตอนที่เป็นอดีตพรรคก้าวไกล เราก็ทำเรื่องกิโยตินกฎหมาย ตอนที่เราขึ้นเวทีดีเบตกัน ก็จำได้ว่า พรรคเพื่อไทย ก็พูดเรื่องกิโยตินกฎหมาย ซึ่งทางผม ก็พูดกิโยตินกฎหมาย ทั้งหมดมีอยู่ 7,000 กว่าฉบับ เป็นพ.ร.บ. อยู่ 1,000 กว่าฉบับ แขวนได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งตอนที่ไปพรรคเพื่อไทย เราก็ไปพูดกันถึงเรื่องกิโยตินกฎหมาย
“แต่พอกลับมาดู 83 ฉบับ ที่พรรคประชาชนพยายามเสนอ มีการร่างกฎหมายใหม่ ก็เพื่อยกเลิกกฎหมายเก่าไงครับ เช่น พ.ร.บ.ยุบกอ.รมน.เพราะฉะนั้นผมก็คิดว่า ‘รับคำท้าคุณทักษิณ เอาอย่างนี้ดีกว่า’ มีกฎหมายอะไรที่อยากจะยกเลิก ทั้งกฎหมายส่งออกข้าว ที่คุณทักษิณพูดถึง รวมไปถึงอีก 3-4 พันฉบับ ทั้งในระดับ พ.ร.ก. หรือประกาศกระทรวง ที่คิดว่าล้าหลัง ไม่ทันสมัยแล้ว ยกเลิกได้เลยครับ”
นายพิธากล่าวว่า ตอนที่ที่ยังเป็น 312 เสียง (8 พรรคเดิม) ที่ยังรวมเสียงรัฐบาลอยู่ ไปประชุมพรรคเพื่อไทย ก็พูดกันเรื่องนี้ ซึ่งมีความเห็นที่หลากหลายว่าจะไปในทางไหน ซึ่งถ้าจะเอาแบบพรรคไหน ก็เป็นประโยชน์กับประชาชน และเอสเอ็มอี ทั้งนั้น เพราะกฎหมายที่เยอะ ส่วนใหญ่ มีไว้เพื่อใช้ดุลยพินิจ ดังนั้นพอมีการใช้ดุลยพินิจ ก็คอรัปชั่นได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นก็รับคำท้าคุณทักษิณ มาช่วยกันยกเลิกกฎหมายเก่า ซึ่งบางเรื่องก็เป็นอำนาจของกระทรวง ทบวง กรม ยกเลิกได้ แต่บางอันก็ต้องเข้ารัฐสภา เพื่อเอากฎหมายใหม่ ยกเลิกกฎหมายเก่า ก็ขอให้ทำด้วยกัน
ส่วนกรณีมาตรา 112 ที่นายทักษิณ ปราศรัย จนนายธนาธร ออกมาระบุว่า จะทำให้คนเข้าใจผิดเรื่องของการจ้องรื้อโครงสร้าง นายพิธากล่าวว่า ตนมองว่าบริบทยังไม่ชัดเจนที่จะคอมเม้นต์มากขนาดนั้น แต่ในมุมมองของเรา ก็ยังยึดว่า การแก้ไขในสภาฯ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ตนไม่ได้ฟังนายทักษิณสัมภาษณ์ หรือปราศรัยชัดๆ เต็มๆ แต่เข้าใจว่าที่พูดว่ามาตรา 112 เป็นสิ่งที่เขาเป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน และคิดว่าปัญหาของ 112 คือคณะกรรมการและกระบวนการใช้ ดังนั้น หากมีคณะกรรมการเข้ามากลั่นกรองว่าจะฟ้องหรือไม่ให้ฟ้องนั้น เป็นประโยชน์ เพราะกฎหมายอยู่ที่การปฎิบัติ ก็ตั้งเลย นี่ก็ผ่านมาปีกว่าแล้ว ถ้าเห็นแบบนั้น ก็ตั้งก่อนก็ได้ ถ้าแก้ไขไม่ได้ ตนก็คิดว่าอย่างน้อยอาจจะไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ของเรา 100% ก็อาจจะได้ 50% ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย ก็เห็นด้วย ถ้าหากคิดว่าจะเริ่มต้นที่ตรงนั้น ก็ขอให้นายกฯแพทองธาร ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้กฎหมายมาตรา 112 ในการฟ้องประชาชน จะได้ไม่มีการฟ้องแกล้งกัน ขณะเดียวกันหากทำแค่นี้แล้วยังมีปัญหาอยู่ ก็ถึงเวลาที่จะต้องแก้ไขตามกรอบที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาต ก็สามารถที่จะแก้ไขได้ ซึ่งจะทำให้การเมืองของเราไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ มาโจมตีกัน
ส่วนที่นายธนาธร กังวลว่าการที่นายทักษิณพูดถึงโครงสร้าง คนจะเข้าใจผิดพรรคก้าวไกล เรื่องรื้อโครงสร้างสถาบัน นายพิธา บอกว่าคงเป็นลักษณะนั้น แต่ก็ยังเชื่อมั่นในพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่น่าจะแยกแยะออกได้ว่า อะไรดี หรืออะไรไม่ดี เพราะคำว่าการที่การเปลี่ยนโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างทหารให้ทันสมัยมากขึ้น ให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือทหาร หรือการทลายทุนผูกขาด ก็ไม่ได้เห็นต่างกับคุณทักษิณแต่อย่างใด เพียงแต่หมดเวลาพูดแล้ว ถึงเวลาทำ บางเรื่องฝ่ายค้านริเริ่มได้รัฐบาลทำตาม บางเรื่องรัฐบาลก็ริเริ่ม ถ้าฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ยินดีให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นความเท่าเทียมทางโอกาส หรือการมีคณะกรรมการป้องกันการฟ้องการแกล้งด้วยมาตรา 112 ทำได้เลย เห็นด้วย หรือการยกเลิกกิโยตินกฎหมาย ก็ทำได้เลย