วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 17, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSชิงนายกอบจ.อุดรฯระอุ-เดิมพันศักดิ์ศรี “ทักษิณ-เพื่อไทย VS พิธา-ประชาชน”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ชิงนายกอบจ.อุดรฯระอุ-เดิมพันศักดิ์ศรี “ทักษิณ-เพื่อไทย VS พิธา-ประชาชน”

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับ ศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ที่จะเลือกตั้งกันสัปดาห์หน้า วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.ที่จะถึงนี้

เห็นได้ชัดแม้ศึกนี้ จะเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่น แต่การที่ทั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” ไปช่วยหาเสียงให้ “ศราวุธ เพชรพนมพร” ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วง 13-14 พ.ย.ที่ผ่านมา และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล บินกลับจากสหรัฐฯ เพื่อมาช่วย “คณิศร ขุริรัง” ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานีของพรรคประชาชน (ปชน.)  ในช่วง 15-16 พ.ย. ตามหลัง “ทักษิณ” หนึ่งวัน

มันเลยยกระดับการแข่งขันจากสนามเลือกตั้งท้องถิ่น กลายเป็น “ศึกแห่งศักดิ์ศรีการเมืองระดับชาติ” ระหว่าง “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” กับ “พิธา-พรรคประชาชน”

อีกหนึ่งสนามที่ก็จะเลือกตั้งกันวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้เช่นกันคือ การเลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราช ที่เข้มข้นพอประมาณสำหรับการเมืองในภาคใต้ แต่คนแทบไม่รู้เลยว่า จะมีการเลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราช ในวันเดียวกับการเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี ก็เพราะศึกเลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราช ดีกรี-ความเข้ม และการเดิมพันการเมือง มันเทียบไม่ติดกับที่อุดรธานีนั่นเอง

ว่ากันตามจริง เดิมพันผลการเลือกตั้งที่จะออกมา ฝ่ายพรรคเพื่อไทย-ทักษิณ เครียดหนักกว่าพรรคประชาชน

เพราะสนามนี้ คนของเพื่อไทยคือ “วิเชียร ขาวขำ” อดีตส.ส.อุดรธานี ชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกอบจ.มาแล้ว 2 ครั้งติดต่อกัน การที่ “ศราวุธ เพชรพนมพร” มาลงรอบนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันแชมป์ให้พรรคเพื่อไทย ที่สามารถเอาผลงานต่างๆ ของ “วิเชียร” ไปหาเสียงได้สบายๆ อีกทั้ง “ศราวุธ” ก็เป็นอดีตส.ส.อุดรธานี เขต 1 มาถึง 4 สมัยติดต่อกัน ไม่เคยสอบตก เพิ่งสอบตกครั้งแรกก็รอบที่ผ่านมาปี 2566 เพราะติดประมาท ไม่คิดว่ากระแส “พรรค(ส้ม)ก้าวไกล” จะลามมาถึง อุดรธานี เมืองหลวงเสื้อแดงภาคอีสานได้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ก็ได้เป็นรัฐมนตรีไปแล้ว “ศราวุธ” จึงถือว่ามีฐานเสียงในเขตอำเภอเมืองระดับหนึ่ง อีกทั้งน้องสาว “หทัยรัตน์ เพชรพนมพร” ก็เป็นส.ส.อุดรธานี เขต 2 พรรคเพื่อไทย

ผสมกับการที่ “เพื่อไทย” ก็มีส.ส.เขตในจังหวัดอุดรธานี ถึง 7 คน จาก 10 คน และเลือกตั้งที่ผ่านมา แม้จะพลาดท่า โดน “ก้าวไกล” กับ “ไทยสร้างไทย” ของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์” เข้ามาเจาะไปรวม 3 ที่นั่ง ทำให้ชนะไม่ยกจังหวัด จากเดิมที่อุดรธานีชนะยกจังหวัดมาแทบทุกครั้ง

กระนั้น หากไปดูจากคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของเพื่อไทย ก็มาอันดับ 1 ได้มาถึง 353,147 คะแนน ซึ่งถ้า “เพื่อไทย” รักษาทรงนี้ไว้ คือให้คนอุดรธานีสามแสนห้าหมื่นคน ที่เลือกเพื่อไทยตอนเลือกตั้งปี 2566 ยังคงเลือกตั้งเพื่อไทยในการเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานีรอบนี้ ถ้ายืนพื้นไว้แบบนี้ แล้วเอาคะแนนที่ “ทักษิณ” ลงมาช่วยหาเสียงให้อีก ผสมกับที่พวกส.ส.เขตอุดรธานี 7 คน และอดีตส.ส.ที่สอบตก ไปช่วยหาเสียงให้ มันก็ทำให้โอกาสที่ “ศราวุธ” จะชนะเลือกตั้งก็มีสูง

เพียงแต่ที่ “ทักษิณ-เพื่อไทย” หวั่นไหว กลัวจะแพ้เลือกตั้งขึ้นมา ก็เพราะคงเห็นแล้วว่า คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของ “ก้าวไกล” ก็ไม่ธรรมดา เพราะแม้จะได้ส.ส.เขตอุดรธานี แค่คนเดียว แต่ปรากฏว่า คะแนนปาร์ตี้ลิสต์กลับมาอันดับ 2 และได้มาเยอะเสียด้วยคือ 295,097 คะแนน

ทำให้ “พรรคเพื่อไทย” เกรงว่า คะแนนของ “พรรคประชาชน” จะยืนพื้นที่ประมาณ 3 แสนคะแนน ซึ่งหากหาเพิ่มมาได้อีกสัก 2-3 แสนคะแนน ก็อาจมีลุ้นเบียดสู้กับ “พรรคเพื่อไทย”

ผนวกกับช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา “พรรคประชาชน” ก็ขนแกนนำพรรค ตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่คือ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยะบุตร แสงกนกกุล-(ช่อ) พรรณิการ์ วานิช” และยุคก้าวไกล เช่น “ชัยธวัช ตุลาธน” จนถึงแกนนำพรรคประชาชน “เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” เข้าไปตรึงพื้นที่สลับกันไปช่วยที่อุดรธานีมาร่วมเดือนแล้ว ส่วน “ศราวุธ” แทบไม่มีแกนนำเพื่อไทยลงมาช่วย  

รวมถึงการที่ผลสำรวจของ “อุดรโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ที่สำรวจความคิดเห็นของชาวอุดรธานี 1,121 คน ที่มีต่อการเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี วันที่ 24 พ.ย.นี้ พบว่า สนใจเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาชน 32.6% รองลงคือ พรรคเพื่อไทย 15.2% แต่ยังมีคนไม่ตัดสินใจ 47.9%

เรียกได้ว่า “คะแนนนิยม” ผู้สมัครของพรรคประชาชน ทิ้งห่างพรรคเพื่อไทยแบบเท่าตัว ทำเอาฝ่ายเพื่อไทย และทีมงานหาเสียงนายกอบจ.ของพรรคเพื่อไทย เต้นผาง เลยต้องขอให้ “ทักษิณ” มาช่วยหาเสียงให้ด้วยอย่างที่เห็น

ถึงขั้น “ทักษิณ” ประกาศว่า เลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ชนะอย่างเดียว แต่ต้อง “ชนะถล่มทลาย” และหากแพ้ ก็ขายหน้าแย่

“เอาให้ชนะ ชนะน้อยๆ ไม่สนุก ต้องชนะเยอะๆ ต้องชนะให้ถล่มทลาย ผมจะได้เดินทางมาหาพี่น้องที่อุดรฯอย่างหล่อๆ ไม่อยากเดินมาแบบมีหน้ากาก มีปี๊บ เดี๋ยวไม่เห็นหน้ากัน ฝากป๊อบ ศราวุธ เพื่อให้มาเป็นนายกอบจ. เพื่อประสานงานรัฐบาลมาพัฒนาท้องถิ่นเพื่อพี่น้องคนอุดรฯ อย่าให้ผมอายนะ ต้องชนะให้ขาด อย่าให้อาย เดี๋ยวผมไม่กล้ามาอุดรฯ” ทักษิณ ปราศรัยไว้ที่เวทีหาเสียง

ขณะที่ฝ่ายพรรคประชาชนนั้น ถือว่า “แบกน้ำหนัก” สู้กับ “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ความกดดันมีน้อยกว่า

เพราะอย่างที่บอกข้างต้น “พรรคเพื่อไทย” กุมสภาพความได้เปรียบในพื้นที่ไว้หลายอย่าง อีกทั้งยังเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล กุมอำนาจรัฐ ก็ยิ่งกุมความได้เปรียบ หากจะมีอำนาจรัฐ คอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ดังนั้นในแง่ความกดดัน “พรรคประชาชน” กดดันน้อยกว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” เยอะ

คือชนะมาก็เฮ ล้มช้างได้ เป็นการปักธง นายกอบจ.คนแรกของพรรคประชาชนได้เป็นผลสำเร็จ หลังเพียรพยายามมานาน ตั้งแต่ตอนเลือกตั้งนายกอบจ.ทั่วประเทศปี 2563 ที่หากชนะมา ก็จะทำให้พรรคประชาชนมั่นใจมากขึ้นในการลงสู้ศึกนายกอบจ.ทั่วประเทศ 1 ก.พ.68 ปีหน้า ที่พรรคจะเปิดตัวผู้สมัครนายกอบจ.ทั่วประเทศ 18 พ.ย.นี้

แต่หากพรรคประชาชนแพ้ก็ถือว่าเสียหายน้อยกว่า พรรคเพื่อไทยเจ้าของพื้นที่ 2 สมัย และมีส.ส.อุดรธานีเยอะที่สุดในจังหวัด ที่สำคัญจะส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึง “ทักษิณ” อีกว่า “สิ้นมนต์ขลังในภาคอีสาน”

เพียงแต่ก็ต้องยอมรับว่า หากพรรคประชาชนแพ้ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพรรคประชาชนและผู้สมัครนายกอบจ.ของพรรคหลังจากนี้แน่นอน ที่ยังไม่สามารถปักธงนายกอบจ.ได้เสียที ทั้งที่รอบนี้ถือว่า เตรียมพร้อมและมีเวลาหาเสียงค่อนข้างเยอะ

อีกทั้งคงทำให้ “เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคฯ คงเสียความมั่นใจในตัวเองไปพอสมควร ที่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค 3 เดือนแล้ว นอกจากเรตติ้ง กระแสนิยมในตัวเองไม่ดีแล้ว ก็ยังไม่สามารถพาพรรคประชาชนชนะเลือกตั้งได้เสียที แพ้มา 3 นัดติดต่อกัน ต่อจากเลือกตั้งนายกอบจ.ราชบุรี-เลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 1 พิษณุโลก และหากเลือกตั้งนายกอบจ.ทั่วประเทศ

ถ้าคนของพรรคประชาชนแพ้ “บ้านใหญ่” หมด ไม่สามารถเอาชนะได้แม้แต่คนเดียว “พรรคประชาชน” ในยุค “เท้ง” เป็นหัวหน้าพรรค ระส่ำแน่!!!

………………………………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว” 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img