วันจันทร์, พฤศจิกายน 18, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“คลัง”ยืนยัน“กิตติรัตน์”ไม่ขาดคุณสมบัติ อ้างบันทึกกฤษฎีกา-ชงครม.19 พ.ย.แน่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“คลัง”ยืนยัน“กิตติรัตน์”ไม่ขาดคุณสมบัติ อ้างบันทึกกฤษฎีกา-ชงครม.19 พ.ย.แน่

“ก.คลัง” ยัน “กิตติรัตน์” ไม่ได้ขาดคุณสมบัตินั่งเก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เผยบันทึกคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบความเห็นสำนักนายกฯ กรณีสอบถามขอบเขตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องมีอำนาจ อำนวยการบริหารประเทศหรือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า หลังคณะกรรมการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธาน และคณะกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานได้มีมติคัดเลือกให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ธปท.นั้น คณะกรรมการฯ จะส่งชื่อให้กับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในวันที่ 19 พ.ย.นี้เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโดยในส่วนของตำแหน่งของประธานคณะกรรมการ ธปท.เมื่อ ครม.เห็นชอบแล้วสำนักเลขาธิการ ครม.จะนำชื่อขึ้นกราบบังคมทูลฯเพื่อโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งตามขั้นตอนต่อไป

สำหรับประเด็นคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งทางการเมืองน หลังจากที่นายกิตติรัตน์มีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี สมัยที่นายเศรษฐา ทวีสิน ช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการคัดเลือก ได้ตรวจสอบข้อมูลทางกฏหมายพบว่า ตำแหน่ง ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นตำแหน่งทางการเมืองแต่ทำหน้าที่ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเท่านั้น แตกต่างจากจากตำแหน่ง  เลขานุการนายกรัฐมนตรีที่เป็นตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีหน้าที่สั่งการควบคุม รับเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่งตามกฎหมายที่กำหนด และมีอำนาจในการ อำนวยการบริหารประเทศหรือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน 

นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการวินิจฉัยคำร้องที่เทียบเคียงไว้ ปรากฏในหนังสือเรื่องเสร็จที่ 481/2552  สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่าเรื่อง ฐานะการเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งช่วงนั้นมีการขอให้วินิจฉัยว่าผู้ดำรงตำแหน่งผู้แทนการค้าไทยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยตอบกลับถึงสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ตามที่ได้มีหนังสือที่ นร 1401.2/938 ลงวันที่ 6 ก.พ.25662 ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สรุปความได้ว่า ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยวินิจฉัยเกี่ยวกับ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามบันทึก เรื่อง การดำรงตำแหน่งทางการเมืองของกรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ว่าหมายความถึง ดำรงตำแหน่งที่มีหน้าที่อำนวยการบริหารประเทศหรือควบคุมการบริหารราชการ แผ่นดิน และบรรดาผู้ที่รับผิดชอบงานด้านการเมืองทั้งหมด

โดยงานการเมืองนั้นจะเป็นงานที่เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายเพื่อให้ฝ่ายปกครองที่มีหน้าที่ปฏิบัติงานประจำรับไปบริหารให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดนั้น

เนื่องด้วยข้อ 4 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยผู้แทนการค้าไทยปี 2552 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งตั้งผู้แทนการค้าไทยจำนวนไม่เกิน 5 คน ทำหน้าที่เป็นผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรีในการเจรจากับต่างประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศในด้านการค้าและการลงทุน เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่นายกรัฐมนตรี และอื่นๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจึงขอหารือว่าผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้แทนการค้าไทยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่อย่างไร

คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่1) ได้พิจารณาข้อหารือของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) และผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ (สำนักงานปลัดกระทรวง) เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฎข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า

ภายหลังจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีหนังสือขอหารือมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2552 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2552 แก้ไขเพิ่มเติมความในข้อ 4 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย

โดยกำหนดให้ให้ในการดำเนินนโยบายด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรีอาจอาศัยอำนาจตาม มาตรา 11 (6)” แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินปี 2534 แต่งตั้งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย จำนวนไม่เกิน 5 คน โดยให้แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธานผู้แทนการค้าไทยทำหน้าที่ประสานการปฏิบัติหน้าที่ของผู้แทนการค้าไทย

คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ดำรงตำแหน่งใดเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่นั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมใหญ่กรรมการร่างกฎหมาย) ได้เคยวินิจฉัยไว้ในบันทึก เรื่อง การดำรงตำแหน่งทางการเมืองของกรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจว่า 

ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หมายถึง ผู้ที่มีหน้าที่อำนวยการบริหารประเทศหรือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และบรรดาผู้ที่รับผิดชอบงานด้านการเมืองทั้งหมด โดยงานการเมืองนั้นจะเป็นงานที่เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายเพื่อให้ฝ่ายปกครองที่มีหน้าที่ปฏิบัติงานประจำรับไปบริหารให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด ซึ่งมีความหมายกว้างกว่าคำว่า ข้าราชการการเมือง ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมืองปี 2535

ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคือ คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา และผู้ดำรงตำแหน่งอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกันที่มีอำนาจหน้าที่ในการอำนวยการบริหารประเทศหรือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และหากพิจารณาระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยผู้แทนการค้าไทยปี 2552 ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้แทนการค้าไทยไว้

โดยสาระสำคัญ ประกอบด้วย การเป็นผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรีในการเจรจากับต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ และช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับมอบหมาย จะเห็นได้ว่าอำนาจหน้าที่ของผู้แทนการค้าไทยมีลักษณะเป็นงานทางการเมือง คือการอำนวยการบริหารประเทศหรือการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินในเชิงนโยบาย ดังนั้น ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้แทนการค้าไทยจึงอยู่ในความหมายของคำว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมใหญ่กรรมการร่างกฎหมาย) ได้เคยวินิจฉัยไว้

ดังนั้นเมื่อเทียบเคียงกับกรณีของนายกิตติรัตน์ที่เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จึงไม่เข้าข่ายของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและไม่ได้มีอำนาจในการอำนวยการ บริหารงานราชการแผ่นดิน ตามที่กฎหมายได้มีการแยกแยะออกมาให้เห็นชัดเจนว่าการดำรงตำแหน่งการเมือง กับผู้ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร

ส่วนกรณีที่มี ทนายความ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กว่านายกิตติรัตน์ ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จึงต้องกลับไปดูข้อกฎหมายเหล่านี้ ซึ่งมีการวินิจฉัยจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเอาไว้แล้ว เพราะเมื่อยึดตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการจัดทำบันทึกชี้แจงในเรื่องนี้ไว้คำร้องในเรื่องนี้ของทนายความผู้นี้ก็เป็นอันตกไป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img