ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก ลุ้นเคาะแก้หนี้สำหรับคนที่มีบ้านหลังแรก-รถคันแรก พร้อมเตรียมกำหนดเงื่อนไขแจกเงินหมื่นเฟส 2 ช่วยเหลือผู้สูงอายุ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2567 วันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 13.00 น. ซึ่งมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานนั้น สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยและคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2567 และแนวโน้มปี 2568 พร้อมหารือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะเน้นไปในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสูงกว่า 90% ของจีดีพี ซึ่งการแก้หนี้ครัวเรือนจะเป็นการรายงานความคืบหน้าจากการหารือการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะบ้านหลังแรก และรถคันแรกเพื่อไม่ให้มีการยึดรถยึดบ้านเป็นจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นหลักเกณฑ์ที่จะมีการหารือในที่ประชุมจะมีการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ค้างชำระหนี้สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน 1 ปี
นอกจากนี้จะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการช่วยเหลือ เบื้องต้นเป็นเวลา 3 ปี ได้แก่ พักชำระดอกเบี้ยชั่วคราว ยืดระยะเวลาผ่อนเงินให้ โดยลดการผ่อนชำระ 50% ต่องวดและยืดหนี้ที่ลดการผ่อนชำระให้ยาวออกไปเพื่อให้ลูกหนี้สามารถใช้หนี้ได้ตามเงื่อนไขนี้
ส่วนของการแก้หนี้สินให้กับประชาชนในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะมีการนำเงินบางส่วนจากเงินนำส่งที่สถาบันการเงินต้องนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน FIDF ปีละ 0.46% ของฐานเงินฝากโดยจะลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 0.23% ส่วนที่เหลือนั้นจะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้กับประชาชน โดยรายละเอียต่าง ๆ ให้รอการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้
นอกจากนี้จะหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยทำอย่างไรให้มีการเติบโตต่อเนื่อง จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรเพิ่มเติมบ้าง โดยกระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดย 1 ในหลายมาตรการที่จะเสนอ คือ มาตรการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ
โดยจะพิจารณาหลักเกณฑ์อายุ วงเงินต่อราย และระยะเวลาดำเนินโครงการ ซึ่งอาจแจกเงินให้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีเป็นขึ้นไป ในรูปเงินสดคนละ 10,000 บาท เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการ ที่ได้รับเงินดังกล่าวไปแล้ว
ทั้งนี้ ผลจากการแจกเงินกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ และผู้พิการ ในเฟสแรก ส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้จะขยายตัวสูงถึง 4.3-4.4%
ส่วนการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ ทั้งมาตรการลดหย่อนภาษี กระตุ้นการใช้จ่าย และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา พร้อมย้ำว่ารัฐบาลมีงบประมาณพร้อมดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ในส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบอื่นๆ อาจจะมีการเสนอมาตรการกระตุ้นการลงทุนในโครงการขนาดเล็กที่ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนกระจายไปทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการลงทุน และส่งผลไปยังการผลิตสินค้าคงทนอื่นๆ ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยนั้นมีแรงส่งต่อเนื่องในปี 2568